หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

(ตอนที่ ๔๐) บทที่ ๓๗ ภิกษุต้อง "ไม่มีใจ"

บทที่ ๓๗

ภิกษุต้อง "ไม่มีใจ"


พระถังและศิษย์เดินทางรอนแรมไปจนถึงเขตเมืองปี๊เบียก๊ก(เมืองภิกษุ) แต่ขณะนั้น ชาวเมืองได้เปลี่ยนชื่อเป็น เมืองเซี้ยวจื๊อก๊ก เพราะเหตุที่พระราชาได้สนมเอกธิดาของปีศาจที่แปลงมาเป็นเต้าหยินเชียงก๊ก พระราชาทรงหลงใหลในเมถุนที่นางสนมเอกบำเรอ จนซูบผอมเกิดโรคร้ายขึ้น เฒ่าเชียงก๊กจึงบอกยารักษาโรคที่ต้องใช้น้ำกระสายที่ทำจากตับเด็ก ๑,๑๑๑ ตับ ทั้งนี้ปีศาจจะกินตับเด็ก ประชาชนต้องถูกบังคับให้นำบุตร - ธิดา มาใส่กรงห่าน ตั้งไว้หน้าบ้าน เพื่อรอเวลาฆ่าเอาตับ

เมื่อพระถังทราบถึงปัญหาของชาวบ้านเฃแล้ว เวทนาสงสารเด็ก ๆ ยิ่งนัก จึงขอให้เห้งเจียช่วยเหลือ เห้งเจียจึงบันดาลให้มีลมพัด มาหอบกรงห่านที่บรรจุเด็กเหล่านั้นไปซ่อนไว้ในป่า แล้วพระถังพร้อมด้วยลูกศิษย์ ก็เข้าเฝ้าพระราชาเพื่อขอตราประทับหนังสือผ่านเมือง

ในขณะนั้น เฒ่าเชียงก๊กเห็นว่าพระถังเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ก็กล่าวคำสบประมาทคำสอนของพระพุทธเจ้าต่าง ๆ นานา แล้วแสร้งเพ็ดทูลพระราชาว่า หากใช้หัวใจดำของพระถังเป็นน้ำกระสายแทนตับเด็กแล้ว อายุจะยืนนับหมื่นปี พระราชาทรงยินดียิ่งนัก จึงกล่าวขอหัวใจกับพระถัง

ฝ่ายเห้งเจียเห็นมิเป็นการ จึงร่ายมนต์จำแลงตนเองเป็นพระถัง กำบังพระถังให้เป็นเห้งเจียแล้ว พระถังเก๊ก็แสดงความยินดีที่จะมอบหัวใจถวายพระราชา ครั้นแล้วพระถังจำแลงก็ใช้มือแหวกหน้าอกให้ทุกคนในที่นั้นดู แต่หามีใจที่ปีศาจต้องการไม่ (คือว่าเห้งเจียนั้น ไม่มีใจ)

เมื่อเห้งเจียแหวกอกให้ดูแล้วก็กลับร่างเข้าสู่ร่างเดิม ชักตะบองวิเศษออกไล่ฆ่าปีศาจเชียงก๊ก ปีศาจรุดหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่ถ้ำเชงฮั้วต๋อง ที่มีห้วยน้ำใสสะอาดและมีดงสน

เห้งเจียกับโป้ยก่ายก็เหาะตามปีศาจมาหมายจะฆ่าเสียให้ตาย เห้งเจียค้นพบประตูกลแล้ว ประตูถ้ำก็เปิด เห้งเจียก็มองเห็นเฒ่าเชียงก๊กกำลังนั่งกอดธิดาสาวอยู่ จึงเข้าสู้รบกันโกลาหล ในขณะนั้น โป้ยก่ายก็เอาคราดเก้าซี่สับต้นสนต้นใหญ่ มีโลหิตคนไหลออกมา โป้ยก่ายก็พูดขึ้นว่า " ต้นสนนี้นานปีเข้ามักกลายเป็นปีศาจ" 

ฝ่ายเห้งเจียสู้รบกับเชียงก๊ก ครั้นพอได้โอกาสก็ใช้ตะบองทุบธิดาสาวเสียแหลกเหลว ร่างกลับกลายเป็นเสือปลาขาว ในขณะที่เห้งเจียจวน ๆ จะฆ่าปีศาจเชียงก๊กนั้น เทพเจ้าประจำดาวน่ำก๊กลิ้วแชได้เหาะมาทันและร้องขอชีวิตไว้ บอกว่าปีศาจนั่นคือกวางขาว พาหนะของตน เห้งเจียก็ไว้ชีวิต แล้วชวนโป้ยก่ายเหาะกลับเมืองปี๊เบียก๊ก แล้วไปนำเด็ก ๆ ที่ซ่อนไว้ในป่ากลับมาคืนบิดามารดา พระราชาก็หายประชวร ชาวเมืองก็สักการะคณะเดินทางไปไซทียิ่งนัก 

ทั้งหมดถวายบังคมลาพระราชาแล้วออกเดินทางมุ่งสู่ไซทีต่อไป..................



Photobucket



นาม : ปีศาจเชียงก๊ก อาศัยอยู่ในถ้ำเชงฮั้วต๋อง มีห้วยน้ำใสสะอาดมีดงสน...

รูป : ดงสนที่นานวันเข้าจะกลายเป็นปีศาจ 

นาม : ต้นสนคือ ความสุขที่เป็นสุขของกิเลส จึงยิ่งสุขนานเข้าจะกลายเป็นปีศาจฉุดชีวิตไว้

รูป : ปีศาจเชียงก๊กกับธิดาสาวคืออะไร ?

นาม : มิจฉาอาชีโว - อาชีพผิด อาชีพชั่ว

รูป : อาชีพผิด อาชีพชั่ว แล้วจะสุขได้หรือ ?

นาม : เป็นภิกษุ หรือฆราวาสมีอาชีพผิด อาชีพชั่วก็เป็นสุขของกิเลสน่ะสิ

รูป : โป้ยก่ายเอาคราดเก้าซี่สับต้นสนใหญ่พินาศล่ะ ?

นาม : ศีลของภิกษุ คือ สังฆคุณ ๙ นั่นล่ะ จะมาทำลายความสุขจอมปลอมให้หายไป

รูป : เห้งเจียฆ่าธิดาปีศาจ ?

นาม : ปัญญาก็ฆ่าอาชีพผิด อาชีพชั่ว ที่เป็นพระเพียงเพื่อใช้จีวรคลุมกายแสวงหาความสุขให้แก่กิเลสน่ะซี

รูป : นี่คืออาชีพผิด อาชีพชั่ว เอาจีวรบังหน้า ดุจดังเสือปลา...

โหงว : เห้งเจียไว้ชีวิตกวางขาวล่ะ ?

นาม : เพราะว่าสัมมาอาชีโว คืออาชีพชอบที่อุปมาด้วยกวางขาว เป็นพาหนะของชีวิตทางธรรม

รูป : (หัวเราะ) แล้วตอนเห้งเจียแหวกอก เหมือนรามเกียรติ์ตอนหนุมานฉีกอกให้ทศกัณฐ์ดูว่ามีแต่สีดากับพระราม อาจารย์กลับแต่งให้เห้งเจียมีแต่ใจชนิดที่ผีไม่ปรารถนา

นาม : ใช่ซี ภิกษุผู้มีปัญญาเป็นพระจริงนั้นต้องไม่มีใจ คือใจที่ปราศจากสิ่งทุกสิ่ง ใจที่ไร้ใจ ไร้กิเลส ไร้ทุกสิ่ง

โหงว : ด้วยเหตุที่ภิกษุ "ไม่มีใจ" จึงฆ่ามิจฉาอาชีโวเสียได้ คือกลับเป็นผู้มีอาชีพชอบ

รูป : อาจารย์ไม่กลัวตกนรกบ้างหรือครับ แต่งพิเรนอย่างนี้ ?

โหงว : ตกก็ตก

นาม : ทีนี้ขอฟังเรื่องปีศาจ..........ตัวฉกาจเถิดอาจารย์

โหงว : เอ้า...ผีสาวจากบาดาล.....ต้องการน้ำกระสายยา
จำเพาะน้ำสัมภวะ...........ของพระถังนั่นเทียวหนา


รูป : โอ๊ย ผีจัญไร เล่นบ้าบ้า

นาม : สัปดนเสียจริงจริ๊ง


(จบบทที่ ๓๗ โปรดติดตามตอนต่อไป...)





** คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๒๑๑ - ๒๑๕ )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น