วิปัสสนูปกิเลส "เราบรรลุอรหัตตผลแล้ว"
ศิษย์และอาจารย์ดั้นด้นออกพ้นพงหนาม แล้วรอนแรมมาถึงภูเขายอดสูงเทียมเมฆ มีอารามชื่อว่าเซี้ยวลุ่ยอิมยี่ ตำบลเซี้ยวไซที อันเป็นอารามที่ปีศาจอึ้งไบ๋เล่าฮุดเนรมิตขึ้นแล้วจำแลงตนเป็นพระยูไลนั่งรอพระถังอยู่
เมื่อคณะเดินทางเห็นป้ายอาราม พระถังก็ปักใจเชื่อว่าได้บรรลุถึงอารามลุ่ยอิมยี่ เขตไซที อันเป็นที่พำนักของพระยูไลแล้ว แต่เห้งเจียนั้นปัญญาไว เห็นคำว่า"เซี้ยว"อยู่ด้วย จึงได้เตือนให้พระถังระวังตน เกรงว่าจะเป็นปีศาจแปลงตนเป็นพระพุทธเจ้า
ฝ่ายพระถังหาเชื่อคำของเห้งเจียไม่ ปีศาจอึ้งไบ๋จึงจับไว้ได้ทั้งคณะ เห้งเจียนั้นถูกฉาบทอง อาวุธวิเศษของปีศาจรวบติดอยู่ ไม่สามารถออกมาได้ จนเทพารักษ์ได้ช่วยให้หลุดออกจากฉาบ แต่ก็กลับถูกปีศาจอึ้งไบ๋ขว้างด้วยอาวุธวิเศษอีกอันหนึ่งคือไถ้ล้อมฟ้ารวบมัดไว้สิ้น
เห้งเจียหนีออกมาได้ เที่ยวไปตามใคร ๆ มารบปีศาจก็ไม่มีใครเอาชนะอาวุธวิเศษคือไถ้ล้อมฟ้านั้นได้ เห้งเจียสิ้นคิดก็นั่งร้องไห้อยู่คนเดียว
กล่าวฝ่ายพระศรีอาริยเมตไตรยเสด็จออกตามหาพนักงานตีระฆังที่จำแลงมาเป็นปีศาจอึ้งไบ๋เล่าฮุดอยู่ มาพบเห้งเจียเข้าจึงทราบความ พระศรีอาริย์ก็เอาน้ำลายกายสิทธิ์เขียนมนต์ลงบนฝ่ามือเห้งเจีย เพื่อให้ไปรบกับปีศาจ
เห้งเจียก็ไปร้องท้าอึ้งไบ๋ที่หน้าอาราม หลังจากเข้าสู้รบกันแล้วปีศาจก็ถูกฝ่ามือมนต์ของเห้งเจียที่ศีรษะถึงแก่งงงวย เห้งเจียก็รบล่อปีศาจไปที่ไร่แตงโม ตามที่นัดหมายกับพระศรีอาริย์ไว้ ฝ่ายพระศรีอาริย์ก็แปลงเป็นตาเฒ่าเจ้าของไร่ เห้งเจียปลอมเป็นผลแตงโม ปีศาจอึ้งไบ๋เสียกลขอกินแตงโมจากตาเฒ่าเพราะกระหายน้ำ พอแตงโมลงถึงท้อง เห้งเจียก็เริ่มบีบ หยิก ตบ ตี บิดเครื่องในของปีศาจจนมันยอมแพ้ยอมคืนไถ้ล้อมฟ้าให้แก่พระศรีอาริย์ เห้งเจียจึงออกจากท้อง แล้วเข้าไปช่วยพระถังออกจากที่ขังในอาราม แล้วจุดไฟเผาปีศาจเล็ก ๆ น้อย ๆ เสียสิ้น
คณะไปไซทีเป็นอิสระแล้ว ก็ออกเดินทางจากอารามเซี้ยวลุยอิมยี่มุ่งทิศปราจีนต่อไป...
รูป : (หัวเราะ) เจ้าปีศาจอึ้งไบ๋นี่สำคัญ ปลอมเป็นพระพุทธเจ้ามานั่งรอพระถังอยู่ได้
นาม : วิปัสสนูปกิเลสว่า "กูบรรลุอรหัตตผลแล้ว"
รูป : พระพุทธเจ้าเก๊นี่คงนั่งยิ้ม ร้องทักพระถังว่า "ถังซัมจั๋ง ทำไมมาช้านักเล่า เรารออยู่เชียว "
นาม : สำคัญ ๆ อาจารย์ช่างอุปมาแท้ ที่ให้อาวุธวิเศษของปีศาจมีทั้งฉาบทองและไถ้ล้อมฟ้า
รูป : ฉาบทองคืออะไร ? ไถ้ล้อมฟ้าคืออะไร?
นาม : ? ? ?...
โหงว : ตราบใดที่ยังรู้สึกว่า "กูบรรลุอรหัตตผลแล้ว" นั้นหาใช่พุทธะไม่ เป็นเพียงปีศาจคนตีฉาบ ตีระฆังที่หน้าแท่นบูชาพระศรีอาริย์เท่านั้น
รูป : อุปมาไม่เห็นเข้าท่า แล้วไถ้ล้อมฟ้าล่ะ ?
นาม : อาจารย์ครับ ไถ้ล้อมฟ้านี้คือพรหมชาลใช่ไหมครับ ?
โหงว : ฮื่อ ตาข่ายดักติดถึงชั้นพรหมทีเดียวล่ะเธอ
รูป : ทำไมให้พระศรีอาริย์มาปราบก็ไม่รู้แล้ว ให้กินแตงโมเสียด้วย...?
นาม : โธ่...ง่ายออก เมื่อเกิดวิปัสสนูปกิเลสแล้ว ให้ทำตามในบทก่อน แต่มีเคล็ดว่าให้ตั้งใจไว้ล่วงหน้าด้วยว่า อะไรเกิดขึ้นนั้นยังไม่ใช่ ไม่ใช่ ต้องรอก่อน รอก่อน...
รูป : อ้อ...นี่เอง คือศรีอาริยเมตไตรยจะมาให้รอก่อน รอก่อน ขืนว่าใช่แล้วก็เป็นอันเจอปีศาจแปลงมา อ้าว...แล้วแตงโมล่ะ ?
นาม : ไม่ใช่แตงโม แต่เป็นแตงเห้งเจียต่างหาก
โหงว : ใช้ปัญญาหาเงื่อนงำ...............เข้าขยำย่ำพุงผี
บีบท้องถองลิ้นปี่....................ปีศาจพ่ายฟายน้ำตา
รูป : เล่าต่อเถิดอาจารย์
โหงว : ถึงทางผ่านเหม็นนักหนา..........
ลุยอุจจาระคละคลุ้งฟ้า............อุดจมูกไว้ให้ดีดี
รูป : ..??
นาม : ...??
** คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๑๗๔ - ๑๗๗ )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น