หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

(ตอนที่ ๓๔) บทที่ ๓๐ วิปัสสนูปกิเลส "เราบรรลุอรหัตตผลแล้ว"

บทที่ ๓๐
วิปัสสนูปกิเลส "เราบรรลุอรหัตตผลแล้ว"


ศิษย์และอาจารย์ดั้นด้นออกพ้นพงหนาม แล้วรอนแรมมาถึงภูเขายอดสูงเทียมเมฆ มีอารามชื่อว่าเซี้ยวลุ่ยอิมยี่ ตำบลเซี้ยวไซที อันเป็นอารามที่ปีศาจอึ้งไบ๋เล่าฮุดเนรมิตขึ้นแล้วจำแลงตนเป็นพระยูไลนั่งรอพระถังอยู่ 

เมื่อคณะเดินทางเห็นป้ายอาราม พระถังก็ปักใจเชื่อว่าได้บรรลุถึงอารามลุ่ยอิมยี่ เขตไซที อันเป็นที่พำนักของพระยูไลแล้ว แต่เห้งเจียนั้นปัญญาไว เห็นคำว่า"เซี้ยว"อยู่ด้วย จึงได้เตือนให้พระถังระวังตน เกรงว่าจะเป็นปีศาจแปลงตนเป็นพระพุทธเจ้า

ฝ่ายพระถังหาเชื่อคำของเห้งเจียไม่ ปีศาจอึ้งไบ๋จึงจับไว้ได้ทั้งคณะ เห้งเจียนั้นถูกฉาบทอง อาวุธวิเศษของปีศาจรวบติดอยู่ ไม่สามารถออกมาได้ จนเทพารักษ์ได้ช่วยให้หลุดออกจากฉาบ แต่ก็กลับถูกปีศาจอึ้งไบ๋ขว้างด้วยอาวุธวิเศษอีกอันหนึ่งคือไถ้ล้อมฟ้ารวบมัดไว้สิ้น 

เห้งเจียหนีออกมาได้ เที่ยวไปตามใคร ๆ มารบปีศาจก็ไม่มีใครเอาชนะอาวุธวิเศษคือไถ้ล้อมฟ้านั้นได้ เห้งเจียสิ้นคิดก็นั่งร้องไห้อยู่คนเดียว

กล่าวฝ่ายพระศรีอาริยเมตไตรยเสด็จออกตามหาพนักงานตีระฆังที่จำแลงมาเป็นปีศาจอึ้งไบ๋เล่าฮุดอยู่ มาพบเห้งเจียเข้าจึงทราบความ พระศรีอาริย์ก็เอาน้ำลายกายสิทธิ์เขียนมนต์ลงบนฝ่ามือเห้งเจีย เพื่อให้ไปรบกับปีศาจ

เห้งเจียก็ไปร้องท้าอึ้งไบ๋ที่หน้าอาราม หลังจากเข้าสู้รบกันแล้วปีศาจก็ถูกฝ่ามือมนต์ของเห้งเจียที่ศีรษะถึงแก่งงงวย เห้งเจียก็รบล่อปีศาจไปที่ไร่แตงโม ตามที่นัดหมายกับพระศรีอาริย์ไว้ ฝ่ายพระศรีอาริย์ก็แปลงเป็นตาเฒ่าเจ้าของไร่ เห้งเจียปลอมเป็นผลแตงโม ปีศาจอึ้งไบ๋เสียกลขอกินแตงโมจากตาเฒ่าเพราะกระหายน้ำ พอแตงโมลงถึงท้อง เห้งเจียก็เริ่มบีบ หยิก ตบ ตี บิดเครื่องในของปีศาจจนมันยอมแพ้ยอมคืนไถ้ล้อมฟ้าให้แก่พระศรีอาริย์ เห้งเจียจึงออกจากท้อง แล้วเข้าไปช่วยพระถังออกจากที่ขังในอาราม แล้วจุดไฟเผาปีศาจเล็ก ๆ น้อย ๆ เสียสิ้น

คณะไปไซทีเป็นอิสระแล้ว ก็ออกเดินทางจากอารามเซี้ยวลุยอิมยี่มุ่งทิศปราจีนต่อไป...



Photobucket





รูป : (หัวเราะ) เจ้าปีศาจอึ้งไบ๋นี่สำคัญ ปลอมเป็นพระพุทธเจ้ามานั่งรอพระถังอยู่ได้ 

นาม : วิปัสสนูปกิเลสว่า "กูบรรลุอรหัตตผลแล้ว"

รูป : พระพุทธเจ้าเก๊นี่คงนั่งยิ้ม ร้องทักพระถังว่า "ถังซัมจั๋ง ทำไมมาช้านักเล่า เรารออยู่เชียว "

นาม : สำคัญ ๆ อาจารย์ช่างอุปมาแท้ ที่ให้อาวุธวิเศษของปีศาจมีทั้งฉาบทองและไถ้ล้อมฟ้า

รูป : ฉาบทองคืออะไร ? ไถ้ล้อมฟ้าคืออะไร?

นาม : ? ? ?...

โหงว : ตราบใดที่ยังรู้สึกว่า "กูบรรลุอรหัตตผลแล้ว" นั้นหาใช่พุทธะไม่ เป็นเพียงปีศาจคนตีฉาบ ตีระฆังที่หน้าแท่นบูชาพระศรีอาริย์เท่านั้น

รูป : อุปมาไม่เห็นเข้าท่า แล้วไถ้ล้อมฟ้าล่ะ ?

นาม : อาจารย์ครับ ไถ้ล้อมฟ้านี้คือพรหมชาลใช่ไหมครับ ?

โหงว : ฮื่อ ตาข่ายดักติดถึงชั้นพรหมทีเดียวล่ะเธอ

รูป : ทำไมให้พระศรีอาริย์มาปราบก็ไม่รู้แล้ว ให้กินแตงโมเสียด้วย...?

นาม : โธ่...ง่ายออก เมื่อเกิดวิปัสสนูปกิเลสแล้ว ให้ทำตามในบทก่อน แต่มีเคล็ดว่าให้ตั้งใจไว้ล่วงหน้าด้วยว่า อะไรเกิดขึ้นนั้นยังไม่ใช่ ไม่ใช่ ต้องรอก่อน รอก่อน...

รูป : อ้อ...นี่เอง คือศรีอาริยเมตไตรยจะมาให้รอก่อน รอก่อน ขืนว่าใช่แล้วก็เป็นอันเจอปีศาจแปลงมา อ้าว...แล้วแตงโมล่ะ ?

นาม : ไม่ใช่แตงโม แต่เป็นแตงเห้งเจียต่างหาก

โหงว : ใช้ปัญญาหาเงื่อนงำ...............เข้าขยำย่ำพุงผี
บีบท้องถองลิ้นปี่....................ปีศาจพ่ายฟายน้ำตา

รูป : เล่าต่อเถิดอาจารย์

โหงว : ถึงทางผ่านเหม็นนักหนา..........
ลุยอุจจาระคละคลุ้งฟ้า............อุดจมูกไว้ให้ดีดี

รูป : ..??

นาม : ...??


(จบบทที่ ๓๑ โปรดติดตามตอนต่อไป...)






** คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๑๗๔ - ๑๗๗ )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น