ขึ้นเดือนสามฤดูใบไม้ผลิ ศิษย์จูงม้า พาอาจารย์เดินชมป่ากันไปพลาง ต่างรื่นเริงบันเทิงใจ ตราบจนลุถึงอารามใหญ่ชื่อกวนอิมเซียนยี เห้งเจียก่อเหตุแก้ห่อผ้ากาสาวพัสตร์วิเศษของพระโพธิสัตว์กวนอิมออกมาอวด พระถังผู้เสงี่ยมห้ามก็ไม่ฟัง หลวงจีนเฒ่าสมภารวัดคิดละโมบ ให้ลูกวัดเอาไฟครอกทั้งศิษย์และอาจารย์ เพราะหวังจะได้ผ้ากาสาวพัสตร์วิเศษของพระราชทาน เห้งเจียรู้เท่าทันจึงซ้อนกลเอาไฟเผาวัดเสียสิ้น
ระหว่างที่หลวงจีนทั้งหลายชุลมุนดับไฟกันนั้น ปีศาจหมีดำเฮ็กฮองไต้อ๋อง ผู้คุ้นเคยไปมาหาสู่กับสมภารวัด ได้แอบขโมยผ้ากาสาวพัสตร์ไปซ่อนไว้ ในถ้ำเฮ็กฮองต๋อง ภูเขาเฮ็กฮองซัว เห้งเจียตามไปสู้รบกันเป็นสามารถ ไม่แพ้ - ขนะแก่กันได้ จึงต้องไปนิมนต์พระโพธิสัตว์กวนอิมมาช่วย เห้งเจียฆ่าเพื่อนของเฮ็กฮองไต้อ๋อง ๒ ตนที่เป็นปีศาจสัตว์ คืองูขาวกับชะมด จำแลงมาเป็นเต้าหยินคบค้าอยู่กับเฮ็กฮอง เห้งเจียแปลงเป็นเม็ดยาและพระโพธิสัตว์แปลงเป็นเต้าหยินสหายของปีศาจ เฮ็กฮองหลงกลกินยาอายุวัฒนะเก๊เข้าไปในท้อง เห้งเจียจึงบีบพุงกระทุ้งใจจนยอมแพ้ เห้งเจียคิดจะฆ่า แต่กวนอิมขอชีวิตมันไว้ แล้วเอามงคลสวมหัวพาไปเป็นคนเฝ้าประตูด้านหลังสำนักเขาน่ำไฮ้ที่ประทับ
รูป : (หัวร่อกั้ก ๆ ) แหม...อ้ายปีศาจเฮ็กฮองสำคัญนัก อยากห่มผ้ากาสาวพัสตร์ของพระราชทานเสียด้วย สนุกจริง ๆ
นาม : แกไม่รู้ความหมายก็สนุกแบบเด็ก ๆ
รูป : แกรู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่รู้ ?
นาม : ถ้ารู้ก็ลองขยาย
รูป : ข้ามหน้าอาจารย์เปล่า ๆ น่า อ้าว...โธ่ ยังไม่จบเรื่องอาจารย์กลับเมืองจีนเสียแล้ว
นาม : อย่ากลัวน่า เอาละ ทีนี้ข้าจะแทนอาจารย์ละหนา โปรดฟังเฉลย ตั้งแต่ได้ม้ามังกร วิริยะก็สม่ำเสมอมุ่งสู่นิพพาน
รูป : เดี๋ยวก่อน....บอกก่อนว่าปีศาจหมีดำเฮ็กฮองคืออะไร ?
นาม : ข้าว่า คืออทินนาทาน เพราะมันขโมยจีวรของพระถัง
โหงว : ปัญญามันขี้โอ่ ชอบที่จะอวดคุณของสมณะ คือศีล พออวดก็ถูกขโมย...
รูป : อาจารย์ครับ ปีศาจเป็นเกลอกับสมภารละโมบหมายความว่าอย่างไร ?
โหงว : (หัวเราะ) ชอบอวดศีล เพราะละโมบในลาภ จึงได้เป็นดุจปีศาจลักผ้าเหลืองมาห่มน่ะซี..
.
รูป : (พึมพำ) อาจารย์นี่บาปต่ายห่ะ...ด่าพระสงฆ์องค์เจ้า...
โหงว : ปีศาจเฮ็กฮองคืออทินนาทานฯใช่แล้ว คือขโมยห่มผ้ากาสาวพัสตร์
รูป : อทินนาทานฯหมายถึงลักทรัพย์ แต่การห่มผ้าเหลืองเป็นการผ่านพิธีบวชแล้วนี่
นาม : นัยยะอันลึกของอทินนาทานสำหรับพระคือ ขโมยสิทธิในการสวมผ้ากาสาวพัสตร์
โหงว : ปีศาจนี้คุ้นกับสมภารวัด ชอบไปมาหาสู่กัน ปีศาจกายกรรมของคนเรานี้ปล่อยตามอำเภอใจ มันจะเที่ยวขโมย มันมี ๒ คนคือฆ่าสัตว์ (ปาณา ฯ) ล่วงละเมิดของรักของเขา (กาเมฯ) (ชะมดกับงูขาว) และทั้งสามคือมิจฉากัมมันโต เห้งเจียคือปัญญา ฆ่าสองปีศาจตาย คือจำต้องใช้ปัญญาละเจตนาในการฆ่าสัตว์ และล่วงละเมิดของรักของผู้อื่น
นาม : แล้วทำไมกวนอิมโพธิสัตว์จึงขอชีวิตเฮ็กฮองไต้อ๋องไว้ ?
โหงว : กายกรรมชอบลักถูกสวมมงคล คือบวชมันเสียให้เป็นชอบ นี่เป็นการละมิจฉากัมมันโต ให้กายกรรมเป็นไปในทางบำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วยเมตตา จึงอุปมาว่ากวนอิมโพธิสัตว์(เมตตา) ขอชีวิตปีศาจตนนี้ให้บวชไปเป็นคนเฝ้าประตูหลังสำนัก
รูป: ทำไมประตูหลัง จะบำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่นควรอยู่ประตูหน้า จะได้ต้อนรับแขก
นาม.: เจ้าเซ่อ ...เฝ้าประตูหลังหมายถึง กายกรรมบำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่นนั้น ต้องปิดทองหลังพระน่ะซี
โหงว : นี่คือการทดใช้กายกรรม หรือกายสังขารไปสู่เมตตาธรรม มิฉะนั้นมันจะใช้ไปในทางกักขฬะ คือฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกามทั้งหลาย
นาม : ผมเดาว่าปีศาจเฮ็กฮองไต้อ๋องต้องมีน้องชาย ชื่อมิจฉาวาจา
โหงว : จริง ... จำให้ดีนะ ปีศาจตระกูลฮองจะโผล่มาในบทถัด ๆ ไป และมันจะดุยิ่งกว่าพี่หลายเท่านัก....
นาม : ผมคิดว่า การบวชที่ใจหรือโพธิจิต นั่นคือการกำหนดไตรลักษณ์ และการบวชกายคือการทำประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์โดยไม่หวังผลตอบแทน ส่วนการบวชวาจาคืออย่างไรเล่าครับ ?
รูป : ยังไม่เห็นน้ำตัดกระบอก ยังไม่เห็นกระรอกก่งหน้าไม้
โหงว : นั่นไง วาจาที่เป็นประดุจปีศาจขนเหลือง ปากพ่นไฟ...ซึ่งละยังไม่ได้ จนกว่าชีวิตจะมีศีลของปัญญา(โป้ยก่าย) ไม่ใช่ศีลสามัญ ถ้าเจ้าอยากจะรู้ เราจะเล่าต่อไป......
**คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๒๖ - ๒๙
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น