สุญญตา - เรือท้องโหว่
อาจารย์และศิษย์หมายตาปราสาทของพระยูไลบนเขาเล่งซัวเป็นสำคัญ มุ่งตรงไปทางประตูธรรม จนบรรลุถึงลำน้ำลิ้งหุ้นโต้ ซึ่งกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก เงียบสงัดไร้ผู้คน มีสะพานไม้อันเดียวที่ลื่นเหลือจะข้าม พระถังนึกหวั่นใจว่ามาผิดทางเสียแล้ว ยิ่งเห้งเจียยืนยันว่า นี่แหละคือทาง ยิ่งท้อแท้ยิ่งขึ้น แม้เห้งเจียจะกระโดดขึ้นสะพานไม้อันเดียว แล้ววิ่งไปฟากตรงข้ามแล้วกลับมาให้ดู แต่ทั้งพระถัง โป้ยก่ายและซัวเจ๋งก็ไม่กล้าข้ามอยู่ดี ก็รีรอกันอยู่
ขณะนั้นมีคนแจวเรือจ้างอยู่ริมลำน้ำ เห้งเจียเห็นก็จำได้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์เตี๊ยบจิ๊นโจ๊วซือจำแลงมาช่วยส่งข้ามฟาก คนแจวเรือร้องตะโกนเรียกพระถังลงเรือ แต่พระถังเห็นเรือนั้นแล้วไม่กล้าลง เพราะเป็นเรือไม่มีท้อง คนแจวเรือจึงตะโกนบอกว่า...
" เรือของข้าพเจ้ามีอยู่ตั้งแต่เริ่มฟ้าดิน จนบัดนี้ก็ยังใช้ข้ามฟากอยู่ แม้มีคลื่นลมแรง เรือก็หาโคลงเคลงไม่ ไม่มีหน้าไม่มีหลัง(ไม่มีหัวไม่มีท้าย) สม่ำเสมอดี ไม่เสพด้วยอายตนะภายนอก ประสานกลมกลืนกันมาหมื่นกัปป์แสนกัลป์ สะดวกสบายดี เรือไม่มีท้องเท่านั้นที่อาจพาข้ามมหาสมุทร ส่งสู่ฟากตรงกันข้ามมามากแล้วตั้งแต่โบราณกาล ตราบปัจจุบันก็เช่นกัน"
แม้คนแจวเรือจ้างจะบอกกล่าวเช่นนั้นแล้ว พระถังก็หากล้านั่งไม่ เห้งเจียเห็นเช่นนั้นก็กระโดดเข้าผลักพระถังจนหล่นลงในน้ำ คนแจวเรือก็ฉุดแขนพระถังขึ้นนั่งกลางลำเรือ เห้งเจีย โป้ยก่าย ซัวเจ๋งและม้าขาวก็ถูกฉุดลงเรือหมด คนแจวเรือก็ค้ำเรือไม่มีท้องออกสู่กลางลำน้ำ ฝ่าคลื่นไปอย่างรวดเร็ว
ครั้นมาถึงกลางลำน้ำ พระถังก็ได้เห็นซากศพลอยอยู่ จึงให้นึกกลัวยิ่งนัก
เห้งเจียเห็นดังนั้นก็ร้องขึ้นว่า "นั่นคือท่าน นั่นคือท่าน - ตตฺตร ตวํ อสิ"
โป้ยก่าย ซัวเจ๋งก็ลุกขึ้นตบมือ ต่างร้องตะโกนว่า "นั่นคือท่าน นั่นคือท่าน"
คนแจวเรือก็ร้องตะโกนขึ้นว่า "ควรรื่นเริงบันเทิงใจ เพราะนั่นคือท่าน "
ทุกคนในเรือต่างก็ร้องสรรเสริญขึ้น "นั่นคือท่าน นั่นคือท่าน"
จนกระทั่ง เรือถึงฝั่ง ครั้นแล้ว พระถังก็ประจักษ์ว่าว่างจากขันธ์ทั้งหลาย ตัณหาก็ดับสิ้นเชิง และเรือจ้างกับคนแจวก็หายวับไป
พระถังก็เอ่ยปากชมเชยเห้งเจีย แต่เห้งเจียบอกว่าทุกคนต่างอาศัยกันและกันมาโดยตลอด จึงสำเร็จการได้
ท่านอาจารย์และศิษย์รู้สึกบันเทิงใจเป็นที่สุด ต่างเดินชมนกชมไม้ที่ออกดอกออกช่องดงาม กิ่งก้านสล้าง ปากของทุกคนก็ร้องสรรเสริญภูมิภาคนั้น และบรรดาผู้ที่อยู่ ณ เขาเล่งซัว ต่างก็ร้องทักทายพระถังกันทั่วหน้าดุจญาติสนิท
รูป : ลำน้ำแทรกเมฆจึงจะข้ามพ้น มีสะพานไม้อันเดียวทั้งลื่นทั้งกลม ทั้งเล็ก ไปได้แต่เห้งเจียเท่านั้น...?
นาม : แต่พาชีวิตไปไม่ได้ นอกจากใช้ปัญญาข้ามไปมาได้
โหงว : ปราศจากผู้คน น้ำไหลเชี่ยวกราก
รูป : คนไม่มี ว่างจากสัตว์บุคคล มีแต่กระแสของธรรมธาตุไหลเชี่ยว ไม่มีอะไรต้านได้
นาม : ไม่มีเครื่องมืออะไรจะพาข้าม กระแสธรรมธาตุนี้ได้
โหงว : นอกจากเรือไม่มีท้อง
รูป : คือสุญญตา ว่างจากความยึดมั่นถือมั่นว่าสัตว์ ว่าบุคคล ตัวตน เรา - เขา
นาม : คือ "แทรกเมฆ" ข้ามไป
โหงว : แทรกตัวเข้าไปในกระแสธรรมธาตุ - ธรรมชาติ ธรรมดา จนหมดตัว เพราะรวมเป็นหนึ่งกับกระแสธรรมธาตุ
นาม : ไม่ยึดมั่นในบุญ - บาป สุข - ทุกข์ ดี-ชั่ว เห็นแต่ความเป็นสองในหนึ่ง
รูป : คือตนที่ละลาย ล่องลอย แทรกซึมไปกับกระแส
นาม : นั่นคือท่าน นั่นคือท่าน
รูป : ท่านคือธรรมชาติ ไม่แยกจากกันได้
นาม : ท่านนั้นเป็นทั้งหมด และทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียว
รูป : ท่านนั้นไม่มีตาย ไม่มีเกิด ไม่ประกอบด้วยกาล
นาม : นั่นคือท่าน นั่นคือท่าน เหมือนตุ๊กตาทำด้วยเกลือ พอจุ่มตัวลงในกระแสน้ำ ก็ละลายซึมแทรกสลายไป กระแสแห่งธรรมธาตุคือท่านเอง
โหงว : ตุ๊กตาเกลือแห่งอหังการ ที่ปั้นมาจากเกลือที่เตรียมจากน้ำเค็ม มันไม่กล้าเข้าใกล้น้ำทั้ง ๆ ที่มันกำลังกลิ้งไปหา เพราะมันคิดว่าจะว่างเปล่า ปราศจากประโยชน์ตามกิเลสต้องการ
นาม : จนเห้งเจีย(ปัญญา)ต้องผลัก...
รูป : ตุ๊กตาเกลือจึงละลายสิ้น ในกระแสที่เป็นที่มาแห่งมัน เหลือแต่การเห็น และเสียงสรรเสริญว่า นั่นคือเรา นั่นคือเรา
โหงว : ไม่มีสิ่งแปลกหน้า ไม่มีความกลัว เพราะในกระแสนั้น หามีอะไรให้กระหายอีกไม่
รูป + นาม : เพราะทุกสิ่งคือเรา
โหงว : จวงจื้อจึงว่า...ทีตี้อืออั๊วเปงแซ - ฟ้าดินเป็นสิ่งเดียวกับฉัน
บวงหมวยอืออั๊วอุยอิด - สรรพสิ่งกับฉันเป็นหนึ่งเดียว
โหงว + รูป +นาม : ควรที่จะรื่นเริงบันเทิงใจ ความมีหนึ่งเดียว ควรนอบน้อมคารวะ และอธิษฐาน ที่จะเข้าถึงความเป็นเอง ของธรรมธาตุ
* คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๒๘๕ - ๒๘๙ )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น