หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

(ตอนที่ ๔๖) บทที่ ๔๓ สกทาคามิผล

บทที่ ๔๓ สกทาคามิผล



พระถังและศิษย์ออกจากเมืองเง็กฮั้วจิวไม่นานก็บรรลุถึงเมืองกิมเพ่งฮู้ อาจารย์และศิษย์ได้แวะเข้าค้างแรมที่พระอารามใหญ่ชื่อหุ้นยี่ พระสงฆ์ในอารามต่างออกมาสักการะพระถังเป็นการใหญ่ ครั้นพระถังจะจากไปต่างก็ขอร้องให้รออยู่ดูงานมาฆบูชาที่จะมีขึ้นในระยะนั้น ตามประเพณีโบราณ พระถังรับนิมนต์แล้ว ครั้นถึงวันเพ็ญเสวยมาฆฤกษ์ ก็เที่ยวเดินดูโคมประทีปที่ชาวบ้านจุดขึ้นตกแต่งในงานเป็นที่เพลิดเพลิน

พระถังซัมจั๋งสังเกตเห็นว่าชาวบ้านมีความทุกข์หม่นหมองซ่อนเร้นอยู่ สอบถามขึ้นจึงได้ทราบว่า ยังมีปีศาจควายดำ ๓ ตนที่ชอบกินน้ำมันจันทน์ จึงแปลงกายเป็นพระพุทธเจ้า เสด็จมาหลอกลวงชาวบ้านทุกปี ทั้งนี้เพื่อให้ชาวบ้านกระทำมาฆบูชาด้วยการจุดประทีปน้ำมันจันทน์ราคาแพงถึง ๕,๐๐๐ ตำลึง ปีศาจทั้ง ๓ ก็ได้กินน้ำมันจันทน์ อิ่มเอมมาทุกปี

ปีศาจควายดำทั้ง ๓ คือ ซิฮั้นไต้อ๋อง ซิซู้ไต้อ๋อง และซิติ๊นไต้อ๋อง อยู่ ณ สำนักเขาแชเล่งซัว ถ้ำเหี้ยนเองต๋อง ครั้นได้เวลาก็ปลอมเป็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาในคืนมาฆบูชานั้น เมื่อเห็นพระถังกำลังเพลิดเพลินชมประทีปอยู่ก็ได้โอกาส รวบหอบเอาพระถังเหาะมาขังไว้ในถ้ำ หวังจะต้มเนื้อกินเป็นอาหาร

เมื่อเห้งเจียทราบว่าอาจารย์ถูกปีศาจอุ้มไปก็เที่ยวตามหา จนได้พบกับเทพเจ้าแห่งเวลา เทพเจ้าแห่งเวลาก็บอกเห้งเจียว่า "เพราะพระถังมัวเพลิดเพลินชมประทีปอยู่ จึงต้องเดือดร้อน" ครั้นเห้งเจียรู้ที่อยู่ของปีศาจแล้ว ก็เข้าไปร้องท้ารบ แต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้ ต้องเหาะกลับไปอาราม ชวนโป้ยก่ายและซัวเจ๋งมาสมทบต่างเข้ารุมรบปีศาจแต่ก็ถูกปีศาจจับตัวไปขังไว้ทั้ง ๓ คน 

แต่เห้งเจียก็หนีรอดออกไปได้ จึงเหาะขึ้นสู่สวรรค์เพื่อเข้าเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ ขออนุญาตนำญาติของตัวที่เป็นดาวอยู่บนท้องฟ้า ๔ ดวงคือ ดาวกั๊กบั๊กเกา ดาวเต๊าบั๊กเล่ย ดาวโดยบั๊กลั้งและดาวแจบั๊กกัน ลงมาช่วยปราบปีศาจควายดำทั้งสาม

ฝ่ายปีศาจควายดำทั้ง ๓ เหลือบไปเห็นหน้าคู่ปรับคือดวงดาวทั้ง ๔ ก็วิ่งเตลิดหนีกันไปคนละทิศละทาง เห้งเจียก็ให้โป้ยก่ายเข้าแก้ไขพระถังพร้อมทั้งเผาถ้ำปีศาจแล้วก็ชวนดวงดาวทั้ง ๔ เหาะไปไล่จับปีศาจควายดำทั้ง ๓ อยู่อึกทึกครึกโครม ปีศาจทั้ง ๓ เห็นจวนตัวก็วิ่งลงน้ำ แหวกน้ำลงไปถึงสะดือทะเลกบดานอยู่ เห้งเจียก็ใช้ตะบองวิเศษออกมาร่ายมนต์เบิกน้ำตามลงไป
ฝ่ายพญาเล่งอ๋องเจ้าบาดาลรู้ข่าวที่เห้งเจียไล่จับปีศาจควายดำแล้วก็ช่วยเกณฑ์สมุนใหญ่น้อยออกมาสกัดปีศาจควายด้วย เห้งเจียร้องบอกให้จับเป็น แต่ดาวแจบั๊กกั๊ก(ดาวดวงที่ ๔) ยั้งไม่อยู่ อ้าปากงับคอปีศาจควายซิฮั้นไต้อ๋องจนขาด ปีศาจควายอีก ๒ ตนก็ถูกจับได้เห้งเจียก็ให้ร้อยจมูกจูงขึ้นมายังพื้นโลกตรงไปยังอารามหุ้นยี่

โป้ยก่ายเห็นปีศาจ ๒ ตนนั้นก็เกลียดชัง หามีดโกนได้ก็เชือดคอควายทั้ง ๒ ตนขาด ปีศาจก็ตายสิ้น ชาวเมืองกิมเพ่งฮู้จึงได้รู้ความจริงเรื่องที่ปีศาจควายดำทั้งสามแปลงมาเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อหลอกต้มชาวบ้านกินน้ำมันจันทน์ราคาแพง ชาวเมืองสำนึกในบุญคุณของพระถังและศิษย์ จึงได้สร้างศาลาขึ้นบูชาดาวทั้ง ๔ และจารึกชื่อพระถังซัมจั๋ง เห้งเจีย โป้ยก่ายและซัวเจ๋งไว้เป็นที่ระลึก 

เห้งเจียได้เอาเพชรนิลจินดาที่ได้มาจากถ้ำมากมายนั้นออกแจกจ่ายประชาชน แจกเท่าไหร่ ๆ ก็ไม่หมดสิ้น จึงได้ถวายส่วนที่เหลือทั้งหมดไว้แก่พระอารามหุ้นยี่ ครั้นตกเที่ยงคืนพระถังและศิษย์ลุกขึ้นล้างหน้า ปรึกษากันแล้วก็แอบเล็ดลอดหนีออกไปตอนยามสาม ทั้งนี้เพราะกลัวว่าชาวเมืองจะไม่ยอมให้เดินทางต่อไปยังวัดลุยอิมยี่ รุ่งเช้าประชาชนต่างลือกันว่าอาจารย์และศิษย์เหาะไปยังไซทีเสียแล้ว






รูป : ตอนนี้สำคัญ อาจารย์เอาเหตุการณ์ของยวนฉ่าง สมัยไปอินเดียที่ท่านบันทึกถึงพิธีมาฆบูชา ประดับโคมไฟตกแต่งประทีปสวยงาม ให้มาเป็นโคมไฟน่าเพลิดเพลินในเขตสกทาคามี

นาม : อะไรได้...ปีศาจแปลงเป็นพระพุทธเจ้าจะมากินน้ำมันจันทน์ราคาแพงต่างหาก

รูป : ก็ถูกแล้ว ในเขตสกทาคามีน่าเพลิดเพลินนัก เพราะชีวิตดูดุจประดับด้วยประทีปงดงาม แต่เผลอเพลินเข้าก็กลายเป็นปีศาจ

นาม : แกรู้รึ ว่าปีศาจควายดำทั้ง ๓ คืออะไร ?

รูป : พุทโธ่...ตอนนี้อาจารย์ถอดแบบออกมาจากรามายณะ ตอนทุนทีภี หรือทรพีของรามเกียรติ์ไทยนั่นแหละ เทพยดาในรามเกียรติ์รุมฆ่าเท่าไหร่ก็สู้มันไม่ได้ ตกหน้าที่ของพาลี

นาม : ถามความวัวดันไปตอบความควาย ...ถามควายดำในไซอิ๋วดันไปตอบเอาควายเผือกในรามเกียรติ์ ก็มันคืออะไรเล่า ตอบมา ?

รูป : ราคะ โทสะ โมหะ ควายดำทั้ง ๓ คือราคะ โทสะ โมหะที่พระสกทาคามีทำให้เบาบางลง

นาม : แล้วปีศาจควายทั้ง ๓ ปลอมเป็นพระพุทธเจ้ามาหลอกกินเครื่องสักการะเล่า ?

รูป : ราคะ โทสะ โมหะมันก็แปลงเป็น สะอาด สว่าง สงบในเขตสกทาคามิมรรค มาต้มว่าถึงที่สุดแล้วสิพ่อ...

นาม : เอาล่ะ ครั้นนานเข้า มัวเพลิดเพลินอยู่กับความสุขสงบในเขตนั้น จึงต้องเดือดร้อนอีก

รูป : จึงว่าเทพเจ้าแห่งเวลามาบอกความ...

โหงว : อ้าว...ทีนี้ดาวทั้งสี่ ญาติเห้งเจียล่ะ...?

รูป : ...?

นาม : สติปัฏฐาน ๔ คือ กายานุปัสสนา เวทนานุปัสสนา จิตตานุปัสสนา และธัมมานุปัสสนา สติตามเห็นแจ้งในกาย เวทนา จิตและธรรม เป็นสติปัญญาที่เป็นญาติของโพธิปัญญาคือเห้งเจีย

รูป : ปีศาจควาย ราคะ โทสะ มหะ จึงพบคู่ปรับเก่า วิ่งหนีเตลิดไปคนละทิศละทาง...

นาม : ลงไปกบดานอยู่ที่สะดือทะเล...

รูป : ปัญญานั้นมันชำนาญทุกทางแหละ แต่ถ้าปัญญายังหยาบอยู่ ลงน้ำเป็นงานประณีตก็ทำได้ยากหน่อย แต่ในที่นี้ย่างเข้าเขตอริยะแล้ว ปัญญาประณีตสุขุม จนแหวกน้ำด้วยตะบองได้

นาม : ทำไม ดาวแจบั๊กกัน ยั้งปากไม่ทันกัดคอซิฮั้นไต้อ๋องขาดเล่า ?

รูป : แจบั๊กกันคือธัมมานุปัสสนาที่บุคคลเจริญมากแล้ว ซิฮั้นไต้อ๋องคือโมหะ จะคอขาดโดยไม่ทันได้ยั้งอยู่เองล่ะ...

นาม : ทำไมจึงให้โป้ยก่ายเชือดคอซิซู้ไต้อ๋องกับซิติ๊นไต้อ๋องล่ะ...?

รูป : การเจริญสติปัฏฐานทำโมหะให้เบาบาง ศีลทำให้ราคะ โทสะเยายางในเขตสกทาคามิผลนี้

นาม : ประชาชนสร้างศาลาไว้บูชาดาวทั้ง ๔ และพระถังกับศิษย์ทั้งสามล่ะ?

รูป : ก็แกบอกเองไม่ใช่หรือว่า ในเขตสกทาคามีนั้นไม่ได้ละสังโยชน์อะไรเพิ่มจากระดับโสดาบัน จึงไม่มีการสร้างโบสถ์ การทำให้ราคะ โทสะ โมหะเบาบางลงก็อุปมาด้วยการสร้างศาลาที่ระลึก

นาม : ไม่เลวแฮะ...เป็นอันว่าในเขตสกทาคามีนี้ สติปัฏฐานสี่เปรียบได้กับดาวสี่ดวงปรากฏเด่นชัด มีบทบาทเด่นในการทำให้ราคะ โทสะเบาบางลง

โหงว : เพชรนิลจินดามากมายเหลือคณานับของปีศาจ หลังจากกำราบมันได้คือวิมุติสุข 

รูป : ขอให้เราตั้งใจให้ได้สติปัฏฐานสี่

นาม : เพราะว่าชีวิตจะได้มีแสงดาวนำทาง

รูป : มีก่องแก้วโกเมนเพชรนิลจินดา

นาม : เป็นเศรษฐีร่ำรวยอริยทรัพย์ โชติช่วงด้วยปัญญา

โหงว : จนกว่าชีวิตจะมีแสงเดือนส่องสว่าง 

รูป : ในเขตไหนหรือ จึงจะมีแสงเดือนส่องนำชีพ ?

โหงว : อนาคามิผล ใจสว่างดังแสงเดือน กว่าจะถึงพระพักตร์พระยูไล

นาม : เห็นจะหมดปีศาจร้ายกันที

โหงว : ยัง...ต่อแต่นี้ปีศาจร้าย...........มีกระต่ายในดวงจันทร์
เห็นพระถังสุดกระสัน............แปลงเป็นสาวหวังเคล้าเคลีย


นาม : พระถังถึงเมืองนี้...................

รูป : ต้องมนต์ผีหวิดได้เมีย
รบมั่วกันนัวเนีย.....................เห้งเจียต้องตะบองรัว



(จบบทที่ ๔๓ โปรดติดตามตอนต่อไป...)






** คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๒๖๐ - ๒๖๖ )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น