พระถังและศิษย์ออกจากเมืองเง็กฮั้วจิวไม่นานก็บรรลุถึงเมืองกิมเพ่งฮู้ อาจารย์และศิษย์ได้แวะเข้าค้างแรมที่พระอารามใหญ่ชื่อหุ้นยี่ พระสงฆ์ในอารามต่างออกมาสักการะพระถังเป็นการใหญ่ ครั้นพระถังจะจากไปต่างก็ขอร้องให้รออยู่ดูงานมาฆบูชาที่จะมีขึ้นในระยะนั้น ตามประเพณีโบราณ พระถังรับนิมนต์แล้ว ครั้นถึงวันเพ็ญเสวยมาฆฤกษ์ ก็เที่ยวเดินดูโคมประทีปที่ชาวบ้านจุดขึ้นตกแต่งในงานเป็นที่เพลิดเพลิน
พระถังซัมจั๋งสังเกตเห็นว่าชาวบ้านมีความทุกข์หม่นหมองซ่อนเร้นอยู่ สอบถามขึ้นจึงได้ทราบว่า ยังมีปีศาจควายดำ ๓ ตนที่ชอบกินน้ำมันจันทน์ จึงแปลงกายเป็นพระพุทธเจ้า เสด็จมาหลอกลวงชาวบ้านทุกปี ทั้งนี้เพื่อให้ชาวบ้านกระทำมาฆบูชาด้วยการจุดประทีปน้ำมันจันทน์ราคาแพงถึง ๕,๐๐๐ ตำลึง ปีศาจทั้ง ๓ ก็ได้กินน้ำมันจันทน์ อิ่มเอมมาทุกปี
ปีศาจควายดำทั้ง ๓ คือ ซิฮั้นไต้อ๋อง ซิซู้ไต้อ๋อง และซิติ๊นไต้อ๋อง อยู่ ณ สำนักเขาแชเล่งซัว ถ้ำเหี้ยนเองต๋อง ครั้นได้เวลาก็ปลอมเป็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาในคืนมาฆบูชานั้น เมื่อเห็นพระถังกำลังเพลิดเพลินชมประทีปอยู่ก็ได้โอกาส รวบหอบเอาพระถังเหาะมาขังไว้ในถ้ำ หวังจะต้มเนื้อกินเป็นอาหาร
เมื่อเห้งเจียทราบว่าอาจารย์ถูกปีศาจอุ้มไปก็เที่ยวตามหา จนได้พบกับเทพเจ้าแห่งเวลา เทพเจ้าแห่งเวลาก็บอกเห้งเจียว่า "เพราะพระถังมัวเพลิดเพลินชมประทีปอยู่ จึงต้องเดือดร้อน" ครั้นเห้งเจียรู้ที่อยู่ของปีศาจแล้ว ก็เข้าไปร้องท้ารบ แต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้ ต้องเหาะกลับไปอาราม ชวนโป้ยก่ายและซัวเจ๋งมาสมทบต่างเข้ารุมรบปีศาจแต่ก็ถูกปีศาจจับตัวไปขังไว้ทั้ง ๓ คน
แต่เห้งเจียก็หนีรอดออกไปได้ จึงเหาะขึ้นสู่สวรรค์เพื่อเข้าเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ ขออนุญาตนำญาติของตัวที่เป็นดาวอยู่บนท้องฟ้า ๔ ดวงคือ ดาวกั๊กบั๊กเกา ดาวเต๊าบั๊กเล่ย ดาวโดยบั๊กลั้งและดาวแจบั๊กกัน ลงมาช่วยปราบปีศาจควายดำทั้งสาม
ฝ่ายปีศาจควายดำทั้ง ๓ เหลือบไปเห็นหน้าคู่ปรับคือดวงดาวทั้ง ๔ ก็วิ่งเตลิดหนีกันไปคนละทิศละทาง เห้งเจียก็ให้โป้ยก่ายเข้าแก้ไขพระถังพร้อมทั้งเผาถ้ำปีศาจแล้วก็ชวนดวงดาวทั้ง ๔ เหาะไปไล่จับปีศาจควายดำทั้ง ๓ อยู่อึกทึกครึกโครม ปีศาจทั้ง ๓ เห็นจวนตัวก็วิ่งลงน้ำ แหวกน้ำลงไปถึงสะดือทะเลกบดานอยู่ เห้งเจียก็ใช้ตะบองวิเศษออกมาร่ายมนต์เบิกน้ำตามลงไป
ฝ่ายพญาเล่งอ๋องเจ้าบาดาลรู้ข่าวที่เห้งเจียไล่จับปีศาจควายดำแล้วก็ช่วยเกณฑ์สมุนใหญ่น้อยออกมาสกัดปีศาจควายด้วย เห้งเจียร้องบอกให้จับเป็น แต่ดาวแจบั๊กกั๊ก(ดาวดวงที่ ๔) ยั้งไม่อยู่ อ้าปากงับคอปีศาจควายซิฮั้นไต้อ๋องจนขาด ปีศาจควายอีก ๒ ตนก็ถูกจับได้เห้งเจียก็ให้ร้อยจมูกจูงขึ้นมายังพื้นโลกตรงไปยังอารามหุ้นยี่
โป้ยก่ายเห็นปีศาจ ๒ ตนนั้นก็เกลียดชัง หามีดโกนได้ก็เชือดคอควายทั้ง ๒ ตนขาด ปีศาจก็ตายสิ้น ชาวเมืองกิมเพ่งฮู้จึงได้รู้ความจริงเรื่องที่ปีศาจควายดำทั้งสามแปลงมาเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อหลอกต้มชาวบ้านกินน้ำมันจันทน์ราคาแพง ชาวเมืองสำนึกในบุญคุณของพระถังและศิษย์ จึงได้สร้างศาลาขึ้นบูชาดาวทั้ง ๔ และจารึกชื่อพระถังซัมจั๋ง เห้งเจีย โป้ยก่ายและซัวเจ๋งไว้เป็นที่ระลึก
เห้งเจียได้เอาเพชรนิลจินดาที่ได้มาจากถ้ำมากมายนั้นออกแจกจ่ายประชาชน แจกเท่าไหร่ ๆ ก็ไม่หมดสิ้น จึงได้ถวายส่วนที่เหลือทั้งหมดไว้แก่พระอารามหุ้นยี่ ครั้นตกเที่ยงคืนพระถังและศิษย์ลุกขึ้นล้างหน้า ปรึกษากันแล้วก็แอบเล็ดลอดหนีออกไปตอนยามสาม ทั้งนี้เพราะกลัวว่าชาวเมืองจะไม่ยอมให้เดินทางต่อไปยังวัดลุยอิมยี่ รุ่งเช้าประชาชนต่างลือกันว่าอาจารย์และศิษย์เหาะไปยังไซทีเสียแล้ว
รูป : ตอนนี้สำคัญ อาจารย์เอาเหตุการณ์ของยวนฉ่าง สมัยไปอินเดียที่ท่านบันทึกถึงพิธีมาฆบูชา ประดับโคมไฟตกแต่งประทีปสวยงาม ให้มาเป็นโคมไฟน่าเพลิดเพลินในเขตสกทาคามี
นาม : อะไรได้...ปีศาจแปลงเป็นพระพุทธเจ้าจะมากินน้ำมันจันทน์ราคาแพงต่างหาก
รูป : ก็ถูกแล้ว ในเขตสกทาคามีน่าเพลิดเพลินนัก เพราะชีวิตดูดุจประดับด้วยประทีปงดงาม แต่เผลอเพลินเข้าก็กลายเป็นปีศาจ
นาม : แกรู้รึ ว่าปีศาจควายดำทั้ง ๓ คืออะไร ?
รูป : พุทโธ่...ตอนนี้อาจารย์ถอดแบบออกมาจากรามายณะ ตอนทุนทีภี หรือทรพีของรามเกียรติ์ไทยนั่นแหละ เทพยดาในรามเกียรติ์รุมฆ่าเท่าไหร่ก็สู้มันไม่ได้ ตกหน้าที่ของพาลี
นาม : ถามความวัวดันไปตอบความควาย ...ถามควายดำในไซอิ๋วดันไปตอบเอาควายเผือกในรามเกียรติ์ ก็มันคืออะไรเล่า ตอบมา ?
รูป : ราคะ โทสะ โมหะ ควายดำทั้ง ๓ คือราคะ โทสะ โมหะที่พระสกทาคามีทำให้เบาบางลง
นาม : แล้วปีศาจควายทั้ง ๓ ปลอมเป็นพระพุทธเจ้ามาหลอกกินเครื่องสักการะเล่า ?
รูป : ราคะ โทสะ โมหะมันก็แปลงเป็น สะอาด สว่าง สงบในเขตสกทาคามิมรรค มาต้มว่าถึงที่สุดแล้วสิพ่อ...
นาม : เอาล่ะ ครั้นนานเข้า มัวเพลิดเพลินอยู่กับความสุขสงบในเขตนั้น จึงต้องเดือดร้อนอีก
รูป : จึงว่าเทพเจ้าแห่งเวลามาบอกความ...
โหงว : อ้าว...ทีนี้ดาวทั้งสี่ ญาติเห้งเจียล่ะ...?
รูป : ...?
นาม : สติปัฏฐาน ๔ คือ กายานุปัสสนา เวทนานุปัสสนา จิตตานุปัสสนา และธัมมานุปัสสนา สติตามเห็นแจ้งในกาย เวทนา จิตและธรรม เป็นสติปัญญาที่เป็นญาติของโพธิปัญญาคือเห้งเจีย
รูป : ปีศาจควาย ราคะ โทสะ มหะ จึงพบคู่ปรับเก่า วิ่งหนีเตลิดไปคนละทิศละทาง...
นาม : ลงไปกบดานอยู่ที่สะดือทะเล...
รูป : ปัญญานั้นมันชำนาญทุกทางแหละ แต่ถ้าปัญญายังหยาบอยู่ ลงน้ำเป็นงานประณีตก็ทำได้ยากหน่อย แต่ในที่นี้ย่างเข้าเขตอริยะแล้ว ปัญญาประณีตสุขุม จนแหวกน้ำด้วยตะบองได้
นาม : ทำไม ดาวแจบั๊กกัน ยั้งปากไม่ทันกัดคอซิฮั้นไต้อ๋องขาดเล่า ?
รูป : แจบั๊กกันคือธัมมานุปัสสนาที่บุคคลเจริญมากแล้ว ซิฮั้นไต้อ๋องคือโมหะ จะคอขาดโดยไม่ทันได้ยั้งอยู่เองล่ะ...
นาม : ทำไมจึงให้โป้ยก่ายเชือดคอซิซู้ไต้อ๋องกับซิติ๊นไต้อ๋องล่ะ...?
รูป : การเจริญสติปัฏฐานทำโมหะให้เบาบาง ศีลทำให้ราคะ โทสะเยายางในเขตสกทาคามิผลนี้
นาม : ประชาชนสร้างศาลาไว้บูชาดาวทั้ง ๔ และพระถังกับศิษย์ทั้งสามล่ะ?
รูป : ก็แกบอกเองไม่ใช่หรือว่า ในเขตสกทาคามีนั้นไม่ได้ละสังโยชน์อะไรเพิ่มจากระดับโสดาบัน จึงไม่มีการสร้างโบสถ์ การทำให้ราคะ โทสะ โมหะเบาบางลงก็อุปมาด้วยการสร้างศาลาที่ระลึก
นาม : ไม่เลวแฮะ...เป็นอันว่าในเขตสกทาคามีนี้ สติปัฏฐานสี่เปรียบได้กับดาวสี่ดวงปรากฏเด่นชัด มีบทบาทเด่นในการทำให้ราคะ โทสะเบาบางลง
โหงว : เพชรนิลจินดามากมายเหลือคณานับของปีศาจ หลังจากกำราบมันได้คือวิมุติสุข
รูป : ขอให้เราตั้งใจให้ได้สติปัฏฐานสี่
นาม : เพราะว่าชีวิตจะได้มีแสงดาวนำทาง
รูป : มีก่องแก้วโกเมนเพชรนิลจินดา
นาม : เป็นเศรษฐีร่ำรวยอริยทรัพย์ โชติช่วงด้วยปัญญา
โหงว : จนกว่าชีวิตจะมีแสงเดือนส่องสว่าง
รูป : ในเขตไหนหรือ จึงจะมีแสงเดือนส่องนำชีพ ?
โหงว : อนาคามิผล ใจสว่างดังแสงเดือน กว่าจะถึงพระพักตร์พระยูไล
นาม : เห็นจะหมดปีศาจร้ายกันที
โหงว : ยัง...ต่อแต่นี้ปีศาจร้าย...........มีกระต่ายในดวงจันทร์
เห็นพระถังสุดกระสัน............แปลงเป็นสาวหวังเคล้าเคลีย
นาม : พระถังถึงเมืองนี้...................
รูป : ต้องมนต์ผีหวิดได้เมีย
รบมั่วกันนัวเนีย.....................เห้งเจียต้องตะบองรัว
** คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๒๖๐ - ๒๖๖ )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น