หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

(บทที่ ๓๘) บทที่ ๓๕ มิจฉาสติดุจท้าวพันตา

บทที่ ๓๕
มิจฉาสติดุจท้าวพันตา


เดินทางกันไปพักใหญ่ ก็ผ่านมาถึงสำนักอึ้งฮวยก๊วน ที่มีลำห้วยน้ำไหลร่มรื่น เป็นที่พำนักของปีศาจพันตาแป๊ะงั้นหม้อกุน อันเป็นศิษย์ผู้พี่ของนางปีศาจแมงมุมทั้ง ๗ 

แป๊ะงั้นหม้อกุนได้ต้อนรับคณะเดินทางเป็นอย่างดี ครั้นนางปีศาจแมงมุมกระซิบบอกว่า ศิษย์และอาจารย์คณะนี้แหละคือศตรูที่ทำให้ตนเดือดร้อนต้องหนีมาพึ่ง แป๊ะงั้นก็โกรธ จึงวางยาพิษโป้ยก่ายซัวเจ๋งและพระถังเสียอาเจียนจนสลบไป รอดแต่เห้งเจียซึ่งเฉลียวทัน 

เห้งเจียจึงชักตะบองวิเศษออกสู้รบกับปีศาจพันตาเป็นโกลาหล ก็มิอาจเอาชนะได้ มิรู้จะทำประการใด จึงไปเชิญหญิงวิเศษชื่อไผ้นาฝอ มารดาของเบ้ายิดแชกุน(ดาวลูกไก่) มา นางไผ้นาฝอใช้อาวุธของเบ๊ายิดแชกุนคือเข็มวิเศษทำด้วยแก้วตา(คล้ายกับตะบองวิเศษของเห้งเจีย)เข้าแก้ไขพระถังกับศิษย์ออกมาได้

ฝ่ายเห้งเจียได้ทีก็ใช้ตะบองวิเศษตีปีศาจแมงมุมทั้ง ๗ จนตายสิ้น เมื่อจะฆ่าปีศาจแป๊ะงั้นหม้อกุนมันก็กลับกลายเป็นตะขาบใหญ่ ไผ้นาฝอก็ร้องขอชีวิตมันไว้เพื่อนำไปเป็นคนเฝ้าประตูที่สำนักของนาง เห้งเจียก็ไว้ชีวิต ไผ้นาฝอก็จูงตะขาบไป

เห้งเจียจึงจุดไฟเผาสำนักอึ้งฮวยก๊วนเสียสิ้น แล้วนำทางคณะมุ่งสู่ไซทีต่อไป...



Photobucket





รูป : (หัวเราะ) ท้าวพันตาน่ะ อาจารย์ถอดมาจากรามายณะได้ไม่เลวเลย

นาม : เอาละ เรื่องนั้นไม่สำคัญ แต่ปีศาจแมงมุม ๗ ตนนั่นทำไมดันมาเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกับท้าวพันตาได้ ?

โหงว :ก็แป๊ะงั้นหม้อกุนคืออะไรเล่า...?

รูป : มันอยู่สำนักอึ้งฮวยก๊วน มีลำห้วยไหลริน...?

นาม : ถ้าอย่างนั้นปีศาจตะขาบนี่ต้องเป็นธรรมะประเภทเดียวกับมิจฉาทิฏฐิ มิจฉาสังกัปปะ

รูป : แกรู้ได้อย่างไร ?

นาม : ห้วยน้ำไหลของเห้งเจียสมัยที่ยังเถื่อนอยู่ที่ถ้ำจุ๊ยเลี่ยมต๋อง คือมิจฉาทิฏฐิ ห้วยน้ำไหลของอั้งฮั้ยยี้สมัยที่ยังเป็นปีศาจที่ฮ้วยหุ่นต๋อง คือมิจฉาสังกัปปะ เพราะฉะนั้น ที่นี่คือมิจฉาสติ

รูป : จริง มันจึงเป็นศิษย์ผู้พี่ของนางปีศาจแมงมุมทั้ง ๗ เพราะมิจฉาสติเป็นพี่ใหญ่ของอกุศลเจตสิก คืออหิริกะ(ไม่ละอายต่อบาป) อโนตตัปปะ(ไม่สะดุ้งกลัวต่อบาป) ทิฏฐิ มานะ โลภะ และโมหะ

นาม : ปีศาจนี้มีพันตา หมายถึงว่ามันจ้องที่จะฟุ้งซ่านอยู่แต่ในกิเลสจนพูดได้ว่ามีตาตั้งพัน คอยแต่จะจ้องยินดี - ยินร้าย

โหงว :ทีนี้ ไผ้นาฝอ มารดาของเบ๊ายิดแชกุนล่ะ ?

รูป : คือสัมปชัญญะ 

นาม : แกรู้ได้อย่างไร ?

รูป : โธ่ เบ๊ายิดแชกุน คือไก่ที่เคยขันขึ้น แล้วนางปีศาจแมงป่องตาย นี่มิใช่สติหรือ ทีนี้มารดาของสติก็คือสัมปชัญญะ ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่เสมอในการก้าว การนั่ง การเดิน การดื่ม ซึ่งเป็นจุดตั้งต้นของการมีสติ

นาม : แล้วทำไมให้ไผ้นาฝอยืมเข็มวิเศษจากเบ๊ายิดแชกุนลูกชายมาช่วยเห้งเจีย และเข็มนั่นเหมือนกับตะบองยู่อี่เสียด้วย ?

รูป : เซ่อไปได้ เข็มวิเศษทำด้วยแก้วตา ก็คือโยนิโสมนสิการ - การกระทำในใจไว้โดยแยบคาย หรือคือการเฝ้าดูเฝ้าพินิจด้วยโยนิโสมนสิการนั้นต้องประณีตประดุจเข็มทำด้วยแก้วตา นั่นล่ะคือจักษุของชีวิตล่ะ ผู้มีโยนิโสมนสิการดีแล้ว จะหลุดพ้นจากทุกข์ได้ มันเป็นอาวุธวิเศษ

นาม : แหม แกนี่ไม่เลวเลย ทีนี้เห้งเจียตีนางปีศาจแมงมุมทั้ง ๗ วินาศล่ะ?

รูป : โธ่ อ้ายเซ่อ...มีปัญญา มีสัมปชัญญะ มีสติในการเฝ้าดูด้านในอย่างแยบคาย(โยนิโสมนสิการ)แล้ว อกุศลเจตสิกก็พินาศไปเองน่ะสิ

นาม : แล้วแป๊ะงั้นหม้อกุนไหงกลายเป็นตะขาบไปฉิบ...?

รูป : นั่นน่ะสิ แล้วไผ้นาฝอยังขอไปเฝ้าประตูสำนักเสียอีก ?

นาม : มิจฉาสติคือปีศาจ...........อวดอำนาจกำแหงหาญ
พันตาบ้าฟุ้งซ่าน..............อกุศลผุดดุจฝุ่นฝอย


โหงว :มนสิการโดยแยบคาย.......กิเลสมลายลงผลอยผลอย
ให้สติต่อทยอย.................ดุจตะขาบเลื้อยเจื้อยเจื้อยมา


รูป : ครั้นเจตสิกบริสุทธิ์............พระถังผุดฟื้นชีวา

โหงว :ต่อแต่นี้สามผีบ้า...............คือตัณหาของพระพุทธ

นาม : โอ๊ย...อาจารย์วานลงนรก.......

รูป : ตกอบาย อย่าได้ผุด

นาม : น้ำทองแดงเดือดปุดปุด.........

โหงว :ตกก็ช่าง ฟังให้ดี


(จบบทที่ ๓๕ โปรดติดตามตอนต่อไป...)






** คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๑๙๗ - ๒๐๑ )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น