หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

(ตอนที่ ๔๔) บทที่ ๔๑ เขตโลกุตตระ การละสังโยชน์ (สาม)

บทที่ ๔๑ เขตโลกุตตระ การละสังโยชน์
และการฟื้นจากความตาย
(กระดูกแห้งกลับมีชีวิต)



ศิษย์และอาจารย์มุ่งหน้าเข้าสู่เขตไซที สองข้างทางร่มรื่นยิ่งนัก ตราบจนลุถึงเมืองฮ่องเซียนกุน อันมีขุนนางเป็นผู้สำเร็จราชการเพราะเมืองนี้เป็นเมืองขึ้นของเมืองเทียนเต็กก๊ก ความสวยงามร่มรื่นของสถานที่ทำให้พระถังเข้าใจผิดคิดว่าเป็นวัดลุยอิมยี่ ที่ประทับพระยูไล แต่เห้งเจียนั้นทราบดีว่าไม่ใช่ เพราะตนเคยตีลังกาไปยังวัดลุยอิมยี่หลายหน

ในเวลานั้น เมืองฮ่องเซียนกุนกำลังประสบความกันดารเนื่องจากฝนแล้งมาหลายปี ขุนนางผู้ครองเมืองออกหมายประกาศให้รางวัลทองคำพันตำลึงแก่ผู้ที่ทำให้ฝนตกได้ เห้งเจียอ่านหมายประกาศแล้วก็ขันอาสา ให้ผู้สำเร็จราชการจัดหอพิเศษบริสุทธิ์ให้แล้ว เห้งเจีย โป้ยก่าย และซัวเจ๋งรายล้อมพระถังซึ่งนั่งสวดมนต์อยู่ กุ้นเฮ้าผู้สำเร็จราชการก็จุดธูปบูชา
เห้งเจียเห็นครบพิธีแล้วก็ร่ายมนต์เรียกพญาเง่าก๊วงเล่งอ๋องมาให้ทำน้ำฝน พญาเล่งอ๋องกลับขอให้เห้งเจียขึ้นไปรับคำสั่งจากเง็กเซียนฮ่องเต้ เจ้าแห่งสวรรค์ก่อน เพราะการที่ฝนฟ้าไม่ตกนี้เป็นโทษจากสวรรค์ เนื่องจากประชาชนในเมืองนี้และกุ้นเฮ้าดูถูกฟ้าดิน

เมื่อเห้งเจียทราบดังนั้นก็เหาะลิ่วขึ้นไปบนสวรรค์ เข้าถวายบังคมเง็กเซียนฮ่องเต้ 

เจ้าแห่งสวรรค์ก็ชี้ให้ดูหมายกำหนดพ้นโทษของเมืองฮ่องเซียนกุน 
โดยตั้งกองข้าวสารไว้ภูเขาหนึ่งแล้วให้ไก่ตะเภาจิกกินทีละเม็ด และมีภูเขาแป้งสูงใหญ่ให้สุนัขเลียกินช้า ๆ อันสุดท้ายคือ มีโซ่เหล็กที่ใช้เปลวตะเกียงเล็ก ๆ ลน หากเมื่อใดไก่กินข้าวสารหมดภูเขา หมาเลียแป้งหมด และโซ่เหล็กหลอมละลาย เมื่อนั้นเมืองฮ่องเซียนกุนก็จะพ้นโทษและฝนฟ้าก็จะตกต้องตามฤดูกาล

เมื่อเห้งเจียทราบโทษดังนั้นก็คอตก หมดหนทางจะช่วยชาวเมือง ขณะนั้นซิไต้เซียนซือ ได้กระซิบบอกความลับแก่เห้งเจียว่าอย่าเพิ่งหมดกำลังใจ จงบอกให้ชาวเมืองตั้งใจทำกุศลโดยมีศรัทธาที่แท้จริงต่อพระรัตนตรัยให้แรงขึ้น ๆ และรักษาศีลให้มั่นคงเถิด ไม่เท่าไหร่โทษมหันต์ ๓ ประการนี้ก็จะหายไปเอง

เห้งเจียได้ฟังก็ดีใจนัก เหาะลงมาจากสวรรค์ มารายงานให้กุ้นเฮ้าทราบ กุ้นเฮ้าก็เกณฑ์ประชาชนทั้งเมืองสวดมนต์ภาวนาบูชาคุณพระรัตนตรัยด้วยศรัทธามั่นคงไม่หวั่นไหว พระถังซัมจั๋งรวมทั้งพระสงฆ์ทั้งเมืองก็สวดพระพุทธมนต์ ในไม่ช้า โทษ ๓ ประการในสวรรค์ก็หายไป ฝนก็ตกลงมาชุ่มชื่นกันทั้งเมือง ประชาชนก็ผาสุกชื่นบาน ดุจว่า "กระดูกแห้งกลับฟื้นชีสิต" หรือว่าดุจ "ตอไม้ตายซากกลับผลิดอกออกช่อ" ฉะนั้น

กุ้นเฮ้ารู้สึกสำนึกในบุญคุณของพระถัง จึงเกณฑ์ทหารให้สร้างอารามเพื่อเป็นที่ระลึก สักการะคุณต่อพระถัง เร่งทำทั้งกลางวันกลางคืน ชั่วระยะเวลาเล็กน้อยก็สำเร็จ แล้วนิมนต์พระถังไปพักเป็นศิริมงคล พระถังตั้งชื่อวัดแรกนั้นว่า "วัดกามโพ้เจี้ย"

ครั้นรุ่งเข้าพระถังและศิษย์ก็ลากุ้นเฮ้า ชาวเมืองทั้งหมดได้จัดขบวนดนตรี แห่แหนประโคมสังคีตออกไปส่งคณะเดินทางถึงประตูเมือง

ศิษย์และอาจารย์ออกมุ่งหน้าเดินทางสู่ไซทีต่อไป ต่างเดินพลางสนทนากันไปพลางเป็นที่เพลิดเพลิน พระถังกล่าวชมเชยและขอบคุณเห้งเจียต่าง ๆ นานา เห้งเจียที่เคยหยิ่งยโส บัดนี้กลับกล่าวถ่อมตนว่า งานสำเร็จครั้งนี้หาใช่เพราะตนผู้เดียวไม่ หากเพราะว่าทุกฝ่ายพร้อมเพรียงกันหมด โดยเฉพาะประชาชนในเมืองฮ่องเซียนกุนต่างหากที่ปรารถนาความชอบธรรม การจึงสำเร็จ



Photobucket




นาม : พอเข้าเขตฮ่องเซียนกุนพระถังเข้าใจผิดว่าเป็นวัดลุยอิมยี่ ที่ประทับพระยูไล?

รูป : เพราะความร่มรื่นของสองข้างทาง ในเขตโสดาปัตติมรรคจนศรัทธาเข้าใจว่าเป็นอรหัตตผลไปเสีย

โหงว : ส่วนเห้งเจีย - ปัญญานั้นรู้ว่าไม่ใช่ เพราะจำได้ด้วยเห็นผิดจากวัดลุยอิมยี่

รูป : เห้งเจียเคยไปพบพระยูไลรึ ?

โหงว : หลายหน

รูป : ไปทำไม ? ไปอย่างไร ? ไปแล้วกลับมาทำไม ?

นาม : ปัญญาปรู๊ดปร๊าดไปถึงสุญญตาได้ แต่อยู่ได้ไม่นาน พระยูไลไล่ให้กลับ ให้ไปพาอาจารย์ โป้ยก่ายและซัวเจ๋งมาด้วย

โหงว : ต้องพร้อมพรั่งทั้งปัญญา ศีล สมาธิ

นาม : และต้องผ่านปีศาจ ผ่านถ้ำผี จนกว่าการชักตะบองวิเศษของเห้งเจียจะชำนาญดี

รูป : เอาละ เมืองฮ่องเซียนกุนทำไมจึงมีแต่ผู้ว่าราชการ ไม่มีพระราชา...?

โหงว : เพราะเป็นเมืองขึ้นของเมืองเทียนเต๊กก๊ก อันจะถึงในข้างหน้า

รูป : เทียนเต๊กก๊กคืออะไร บอกหน่อยได้ไหม ?

นาม : ?

โหงว : ...!

รูป : เอาละ ไม่เป็นไร ขอถามใหม่ว่า โทษ ๓ ประการบนสวรรค์คืออะไร ?

นาม : สังโยชน์ ๓ คือ : 
สักกายทิฏฐิ ยึดมั่นว่า ร่างกายนี้ของตน ซึ่งละยาก อุปมาด้วย ไก่ตะเภาตัวเดียวจิกภูเขาข้าวสาร
วิจิกิจฉา - ลังเลในพระรัตนตรัย ลังเลในทางอันประเสริฐแห่งพุทธธรรม ลังเลโลเลต่อชีวิต กวัดแกว่งวางใจไม่ลง ซึ่งกว่าจะละหมดก็ดุจหมากินแป้งหมดทั้งภูเขา
สีลัพพตปรามาส - ความงมงาย หลงสำคัญผิดต่อจุดมุ่งหมายของการประพฤติศีลและวัตร ซึ่งถอนได้ยากดุจเอาไฟตะเกียงริบหรี่ลนโซ่ให้ละลายทีเดียว


รูป : ละยากขนาดนี้จะไปเพียรละหาวิมานอะไรเล่า...?

โหงว : เห้งเจียจึงคอตก....!

นาม : แต่ความลับมีอยู่ว่า จงระดมเจตสิกธรรมทั้งหมด มีศรัทธาเป็นต้น บูชาพระรัตนตรัยอย่างแน่วแน่ จริงใจเถิด

โหงว : คือ มีอจลศรัทธา (ศรัทธาไม่หวั่นไหว)ต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และมีศีลที่พระอริยเจ้าชอบใจ โทษมหึมาจะหายไปเอง

รูป : ประชาชนสวดสรรเสริญพระรัตนตรัย พระถังและพระสงฆ์สวดพุทธมนต์ กุ้นเฮ้าหมายความว่าอย่างไร ?

นาม : ประชาชนคือเจตสิกธรรม พระถังคือขันติธรรม กุนเฮ้าคือกำลังของศรัทธา พระสงฆ์คือศีล

โหงว : ระดมสมทบกันให้มั่นคง โดยมีปัญญาสอดส่องอย่างทั่วถึงต่อฟ้าดิน คือกฏแห่งธรรมดาของความเป็นเอง(ไตรลักษณ์)

นาม : ในที่สุดกระดูกแห้งก็ฟื้นคืนชีวิต

รูป : ตอแห้งผลิดอกออกช่อ

โหงว : คือโสตาปัตติมรรค ชีวิตเหมือนฟื้นจากความตาย ก่อนหน้านั้นตายซากอยู่ในโลกีย์ คือถูกกิเลสมันฆ่าดุจศพจมอยู่ใต้น้ำ มีนี้ค่อย ๆ โผล่ขึ้นพ้นน้ำ กระดูกตายซากฟื้นขึ้น ฟื้นขึ้นมาจากความตาย ได้ธรรมจักษุ

รูป : พระอารามที่ระดมสร้างภายในเวลาอันสั้นสำหรับพระถังเล่า หมายความว่าอย่างไร ?

นาม : โสดาปัตติผล คืออารามกามโพ้เจี้ย ที่สร้างขึ้นทั้งวันทั้งคืน 

โหงว : คือการประดิษฐานลงของโลกุตรธรรม - -โสดาปัตติผล

นาม : คือโบสถ์แท้ของชีวิต

รูป : โบสถ์ทางวัตถุราคานับล้านที่นิยมสร้าง เป็นเรื่องควรรื้อให้พินาศหากมารู้จักโบสถ์ชนิดนี้

โหงว : มัวคลั่งสร้างโบสถ์ภายนอก จนโบสถ์ภายในเป็นหนอน

รูป : หนอนเหล่านั้นมาเจาะชอนไชให้ผู้สร้างเป็นโรคประสาท เพราะเรื่องเงิน เรื่องอาบัติ โรคราคะ โรคโทสะ โรคโมหะ

นาม : โบสถ์กามโพ้เจี้ยสร้างขึ้นด้วยอะไร ?

รูป : ด้วยอิฐ ปูน ไม้หรือ ?

โหงว : เปล่า สร้างด้วยความเบาบางลงแห่งโมหะ ๓ ประการ ได้แก่ สังโยชน์สามดังกล่าวแล้ว และโบสถ์นี้มีจตุรมุขคือศรัทธาไม่หวั่นไหวในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และอริยกันตศีล

นาม : กระเบื้องเคลือบสีสันงดงามของโบสถ์นี้คือ ความผาสุกที่เกิดจากการไม่ถูกกิเลสดุจฝนตกรดให้เปียกปอนเหมือนปุถุชน

โหงว : และพระประธานอันรุ่งเรืองในโบสถ์คือปัญญาญาณอันรุ่งโรจน์ คือธรรมจักษุอันบริสุทธิ์

รูป : เสียงกระดิ่งระฆังห้อยระย้า คือเสียงแห่งวิเวกธรรม ในท่ามกลางความจอแจโกลาหล

นาม : มาเถิดสหายชายหญิง...........โบสถ์จริงอยู่ในใจนั่น
จตุรมุขสุกสว่างพร่างพรรณ....คือวันท่วมศรัทธาธาร
สองมือกวักหาสหาย............เปรียบได้สองช่อฟ้าฉาน
มาบวชโบสถ์นี้ตระการ..........กังวานวิเวกเภรี
คือมหากาพย์แก้วสุดหยั่ง......แต่ครั้งก่อนสร้างโลกนี้
ก่อนโลกอนันตะจะมี............เปรมปรีด์สงัดปัตจัตตัง
ขอให้อาจารย์เล่าต่อ............ข้อความตามเรื่องพระถัง


โหงว : ต่อนี้ผีร้ายระวัง....................ผีมังกรแผ่พังพาน...

นาม : เอ๊ะ...ไฉนไซทียังมี................ผีไรเล่ารุมล้างผลาญ?

โหงว : ผีกิเลสอยากเป็นอาจารย์.......

รูป : เชิญแผ่พังพานเถิดเอย...

โหงว : ...!!!

(จบบทที่ ๔๑ โปรดติดตามตอนต่อไป...)






** คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๒๔๑ - ๒๔๘ )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น