หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

(ตอน ๒๔) บทที่ ๒๑ โพธิสัตวยาน

บทที่ ๒๑ โพธิสัตวยาน


ย่างเข้าเดือนสามเดือนสี่ สองข้างทางร่มรื่น ดอกไม้บานหอมกรุ่น ศิษย์และอาจารย์แลไปข้างหน้าเห็นกำแพงเมืองใหญ่ และเห็นพระสงฆ์หมู่ใหญ่กำลังลากเกวียนพร้อมส่งเสียงตะโกน "มหาพลังโพธิสัตว์" ดังกระหึ่ม 
พระถังได้ยินเสียงนั้นก็ซาบซ่านใจ ฝ่ายเห้งเจียพิจารณาดูหมู่สงฆ์ เห็นทางสองแพร่งทางลัดตัดตรงทางหนึ่ง และทางลาดชันอีกทางหนึ่ง แต่สงฆ์หมู่ใหญ่นั้นลากเกวียนบรรจุอิฐทราย กระเบื้อง ไม้ไปทางลาดชันเพื่อไปสร้างหอตามคำสั่งบังคับของ ๓ เต้าหยิน - เฮ้าลัดไต้เซียน ลกลัดไต้เซียน เอี๋ยวลัดไต้เซียน เซียนทั้ง ๓ ได้ทำบุญคุณกับพระราชาสมัยฝนฟ้าแห้งแล้ง โดยเรียกลมฝนมาตก พระราชาเมืองเซียตี้ก๊กนี้จึงบูชา

ฝ่ายเซียนทั้ง ๓ ก็ข่มขี่พระสงฆ์โดยบังคับให้ทำงาน ซึ่งแต่เดิมมีกว่า ๑,๐๐๐ รูป ลำบากคับแค้นตายไปเสีย ๖๐๐ กว่ารูป คงเหลือ ๕๐๐ เศษ ที่ยังยืนยงไม่มีอะไรฆ่าได้ แต่ต้องทนทรมาน จนกว่าคณะไปไซทีจะมาช่วย

ฝ่ายเห้งเจียเข้าไปสอบถามพระสงฆ์เหล่านั้น ทราบความคับแค้นใจแล้ว ก็ยกเกวียนที่มีวัสดุก่อสร้างฟาดเสียแหลก แล้วฆ่าเต้าหยินสมุนรองของ ๓ เซียนเสีย พร้อมกับถอนขนของตนให้พระสงฆ์เหน็บไว้ที่เล็บนิ้วนางทุกองค์ สำหรับคุ้มภัย พระสงฆ์ทั้ง ๕๐๐ ก็เป็นไทแก่ตัว สงฆ์เหล่านั้นสำนึกในบุญคุณก็เชิญคณะไปไซทีเข้าพักค้างที่พระอารามหลวงตี้เซียนยี่

ครั้นตกดึก เห้งเจีย โป้ยก่าย ซัวเจ๋ง ก็แอบเข้าไปในสถานที่บูชาซัมเซง(สามพรหม คือ ง่วนซุ้ยทีกุน เล่าโป๊เต้ากุน และท้ายเสียงเล่ากุน) และแอบขโมยของบูชากินเสียสิ้น ซ้ำยังถ่ายปัสสาวะให้พวกเต้าหยินกิน หลอกต้มว่าเป็นน้ำมนต์ พวกเต้าหยินจับได้ก็สู้รบกันโกลาหล เห้งเจียก็พาลทำลายแท่นบูชา แล้วทั้งสามก็กลับไปยังวัดตี้เซียนยี่

พอรุ่งเช้า เห้งเจียก็นำหน้าพระถังและคณะเข้าไปในพระราชวัง เพื่อขอประทับตราผ่านเมือง พวกเต้าหยินจำได้ก็ทูลให้พระราชาทราบความ พระราชาเซียตี้ก๊กพิโรธ จะลงโทษ เห้งเจียทูลขอแสดงการเรียกลมเรียกฝนแข่งกับเซียนทั้ง ๓ เพื่อแลกหนังสือผ่านเมือง

ด้วยเดชของตะบองวิเศษของเห้งเจีย เต้าหยินทั้ง ๓ ไม่อาจเรียกลมเรียกฝนมาได้เลย พอถึงคราวเห้งเจีย พญาเล่งอ๋องถูกเรียกมาแล้ว ให้พระถังขึ้นนั่งบนแท่นสวดภาวนาพระคัมภีร์ซิมเกงเท่านั้น พญาเล่งอ๋องก็บันดาลใทั้งลมทั้งฝนเกิดขึ้นได้ดังประสงค์ โดยไม่ต้องตั้งพิธีเผากระดาษ (กงเต๊ก)

ฝ่ายเซียนทั้ง ๓ โกรธแค้นยิ่งนัก ก็ร้องท้าให้ฝ่ายเห้งเจียมานั่งสมาธิแข่งกัน กติกาวางไว้ว่า หากฝ่ายใดกระดุกกระดิกกายก่อนถือว่าเป็นฝ่ายแพ้ เห้งเจียไม่ยอมรับคำท้า เพราะสันดานของตนไม่อาจอยู่นิ่งได้ พระถังซัมจั๋งจึงขันอาสาสู้แทนเห้งเจีย เพราะพระถังนั้นรู้เคล็ดลับของการทำสมาธิว่า "คือการสำรวมจิต เพ่งดูการเกิด - ดับของอารมณ์"

ฝ่ายเซียนทั้ง ๓ ให้ทำแท่นสูงลิ่วสองแท่น พระถังปีนขึ้นนั่งไม่ได้ เห้งเจียก็อุ้มแล้วเหาะพาขึ้นไปนั่ง การแข่งขันก็เริ่มขึ้น คู่แรกระหว่าง พระถังซัมจั๋งกับเฮ้าลัดไต้เซียน

ลกลัดไต้เซียนคิดจะช่วยเฮ้าลัด จึงถอนขนท้ายทอยของตัว เสกขว้างไปเป็นหนอนเกาะกะโหลกพระถังอยู่ พระถังก็เริ่มหงุดหงิด เห้งเจียตาไว แลไปเห็นหนอนก็รู้ว่าศตรูเล่นไม่ซื่อ ก็ถอดทิ้งคราบเห้งเจียยืนอยู่ที่เดิม ตัวจริงหายวับกลับไปเป็นแมลงวันมาแก้ไขให้พระถัง แล้วแปลงจากแมลงวันกลายเป็นตะขาบกระโดดไปเจาะจมูกเฮ้าลัด เฮ้าลัดก็สะดุ้งตกใจ ตกจากแท่นสูง พ่ายแพ้แก่พระถัง

ถัดมาจึงเป็นคราวของลกลัดไต้เซียน ร้องท้าให้ทายในสิ่งที่กำบัง ลกลัดจัดซ่อนสิ่งไหนไว้ เห้งเจียก็ร่ายคาถาแปลงให้ผิดเพี้ยนไปเสียก่อน แล้วกระซิบบอกพระถัง พระถังก็ทายถูกทุกครั้งไป ลกลัดก็พ่ายแพ้ไปอีก 

ฝ่ายเฮ้าลัดเดือดดาลร้องท้าให้ตัดหัวแข่งกัน เห้งเจียก็ตัดหัวตัวเองให้ดู แล้วหัวกลับงอกใหม่ไม่ขาด เมื่อถึงคราวเฮ้าลัด เห้งเจียก็ปลอมเป็นสุนัขคาบหัวเฮ้าลัดไปทิ้งแม่น้ำ เฮ้าลัดก็ขาดใจตาย

ลกลัดจึงท้าเห้งเจียผ่าอก สาวไส้แข่งกัน เห้งเจียก็แสดงให้ดู เมื่อถึงคราวลกลัด เห้งเจียก็ปลอมเป็นอีแร้งโฉบไส้ลกลัดบินหนีไป ลกลัดก็สิ้นใจตายกลายเป็นกวางขาว

ฝ่ายเอี๋ยวลัดเดือดดาล ร้องท้าให้อาบน้ำมันเดือดแข่งกัน เห้งเจียก็ลงในกระทะน้ำมันเดือด ดำผุดดำว่ายเล่นเย็น ๆ ใจ ครั้นถึงคราวของเอี๋ยวลัด เอี๋ยวลัดลงไปดำเล่นได้เช่นกันเห้งเจียประหลาดใจ พิจารณาดูก็รู้ว่า เอี๋ยวลัดมีมังกรเย็นช่วยให้น้ำมันเดือดนี้กลับเย็นลง เห้งเจียจึงร่ายเวทเรียกพญาเล่งอ๋องมาให้เรียกมังกรเย็นกลับคืน เอี๋ยวลัดจึงถูกน้ำมันเดือดลวกตายร่างกลายเป็นแพะป่าไป

ฝ่ายพระราชาเซียตี้ก๊ก เห็นฤทธิ์เห้งเจียแล้วก็เคารพบูชายิ่งนัก ประทับตราหนังสือผ่านแดนให้ พระสงฆ์ทั้ง ๕๐๐ ก็คืนขนคุ้มตัวแก่เห้งเจียแล้ว ศิษย์และอาจารย์ก็ทูลลาพระราชา ออกมุ่งหน้าสู่ไซที


Photobucket




รูป : (หึ ๆ ) พระสงฆ์หมู่ใหญ่ลากเกวียน เคยมีตั้งพันกว่ารูป ตายเสียหกร้อย เหลือห้าร้อยเศษ ลากเกวียนไปก็ร้องตะโกนไป "มหาพลังโพธิสัตว์ มหาพลังโพธิสัตว์ " โธ่...น่าสงสาร

นาม : แกไม่รู้ความถึงได้สงสาร ส่วนผู้รู้ได้ยินแล้วซาบซ่าน

รูป : อ้ายคนใจหิน พระถูกบังคับให้ทำงานเป็นกุลียังซาบซ่านอยู่ได้ 

นาม : เอาอีกแล้ว พระสงฆ์ ๑,๐๐๐ รูปอาจารย์ท่านหมายถึงโพธิสัตว์ศีล แต่เดิมมีอยู่พันกว่า ขาดตกไปหกร้อย เดี๋ยวนี้เหลืออยู่ ๕๐๐ ที่ยังอยู่ ๕๐๐ ข้อนี่แหละที่เป็นมหาพลังโพธิสัตว์ 

รูป :แล้วทางสองทางล่ะ ลัดสั้นกับทางชัน ทำไมพระสงฆ์หมู่นั้นโง่เง่าถึงกับลากเกวียนขึ้นทางชันและก็ยาวด้วย ทางลัดสั้นก็มีไม่ยักชอบ

นาม : ทางลัดคือหินยาน - เรื่องหลุดพ้นเฉพาะตน ส่วนทางชันและยาวคือมหายาน ลากเกวียนบรรทุกทราย กระเบื้อง หิน ฯลฯ ไปด้วย คือโพธิสัตวยาน

รูป :เกวียนบรรทุกทราย กระเบื้อง หิน ฯลฯ ...?

นาม :ประชาสัตว์ที่สักว่าเป็นธาตุตามธรรมชาติ พระโพธิสัตว์ลากจูงประชาสัตว์ไปด้วยมหายานวิถี โดยความรู้สึกของความที่ไม่มี "สัตว์" ที่จะลากจูงไป แต่เป็นดุจ อิฐ หิน ทราย กระเบื้อง...

รูป :เฮ้อ...กลุ้ม ลากจูงสัตว์ แต่ไม่ใช่สัตว์ พูดจาช่างไม่มีสัจจ์เสียเลยแก

นาม :เอ้า...นี่แหละกลับเป็นบรมสัจจ์ของพระโพธิสัตว์ล่ะ 

รูป :เดี๋ยว...ก็โป้ยก่ายคือศีล แล้วจะมีโพธิสัตว์ศีลอะไรอีก?

นาม :โป้ยก่ายคือศีลของปัจเจก ศีลที่จะสมทบกับปัญญาเป็นองค์แห่งมรรค แต่โพธิสัตว์ศีลเป็นอุดมคติ เป็นรูปแบบที่งดงามที่สุด

รูป :เแปลว่า ไม่ต้องมีปัญญา

นาม :อ้ายเซ่อ ก็เห้งเจียถอนขนคุ้มตัวให้พระสงฆ์องค์ละเส้นเสียบไว้ในเล็บมือไม่ใช่รึ ?

รูป :เอ้อ...จริง โพธิสัตว์ศีลทั้ง ๕๐๐ ต้องแทรกปัญญาสุญญตาในทุก ๆ ข้อ เอ๊ะ แล้วทำไมต้องเสียบที่มือ ?

นาม :โพธิสัตว์ศีลทุกข้อล้วนแต่ให้เสียสละเพื่อผู้อื่น อุปมาด้วยมือที่หยิบยื่นอยู่เสมอ แต่ให้โดยสุญญตา แก่ประชา"ธาตุ"

รูป :ภาษาบ้าอะไรของแก...ประชาธาตุ ?

นาม :เอาละเป็นอันว่าเมื่อมีปัญญาเรื่องสุญญตาแล้ว โพธิสัตว์ศีลก็เป็นไปได้อย่างคล่องตัว อิสระ

รูป :มิน่า จึงให้เห้งเจียฟาดเกวียนเสียแหลก เอ้า...เฉลยต่อว่า ๓ เซียนคือใคร ?

นาม :เจ้าขี้เลือน...คืออะไร...ไม่ใช่คือใคร...

รูป :แพะ กวาง เสือ...?

นาม :โธ่เอ๊ย...นึกออกแล้ว เฮ้าลัด คือมหายานอย่างเซ็น (พุทธยาน) - ยานเทียมด้วยโค ลกลัด คือมหายาน - ยานเทียมด้วยกวาง เอี๋ยวลัด หินยาน - ยานเทียมด้วยแพะ

รูป :เฮ้าลัดคือปีศาจเสือไม่ใช่โค...

นาม :ตอนนี้ยังเป็นเซ็นปลอม ก็ต้องเทียมด้วยเสือไปก่อนซี หินยานนั้นคับแคบ อุปมาด้วยยานเทียมด้วยแพะ เป็นเรื่องมุ่งหลุดพ้นส่วนตัว จึงปฏิบัติสะดวก เอาตัวรอดคนเดียว 

รูป :มหายานนั้นใจกล้ารับภาระหนัก ชักจูงประชาสัตว์ไปสู่นิพพาน ดุจยานเทียมด้วยกวางขาว

นาม :มหายานอย่างเซ็นนั้นเทียมด้วยโคขาว คือพุทธยาน ทั้งหมดยังต่ำกว่าโพธิสัตวยาน โพธิสัตววิธีคือ ปณิธานที่จะกวาดต้อนประชาสัตว์เข้าสู่นิพพานให้หมดสิ้น ตนจะเป็นผู้ยอมทน

รูป :อาจารย์ไปไหนมา ?

โหงว : เมืองจีน

นาม :เชิญอาจารย์พักหายเหนื่อยสักครู่ แล้วเล่า "มุ่งตะวันตก" ต่อเถอะครับ

โหงว :ขอพักเหนื่อยหน่อย เจ้าอ่านถึงตอนไหนแล้วล่ะ

นาม :สถาปนาจิตลงบนโพธิสัตววิธี

โหงว :เอาล่ะ ตอนต่อไปเป็นปีศาจร้ายกาจน่ากลัวที่สุด ที่คณะไปไซทีต้องผจญ ; 
ผีเรียนมากปากพ่นหมอก... .....ดูไม่ออกรู้หรือหลง
ปรัชญาพ่นจนคนงง....


รูป :เอากระด้งบังหันหลังแล่น

โหงว :เรื่องให้ละกิเลสจริง....พ่อจอมสิงห์วิ่งอกแอ่น

รูป :กลับเป็นแมวแจวไปแจ้น

นาม : แค่นไค้เขาอิเหนาเป็นเอง-เอย

(จบบทที่ ๒๑ โปรดติดตามตอนต่อไป...)





** คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๑๐๔ - ๑๑๑ )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น