หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

(ตอนที่ ๖) บทที่ ๓ อินทรีย์ ๖ ดุจโจร ๖ คน

บทที่ ๓ อินทรีย์ ๖ ดุจโจร ๖ คน


อาจารย์ชวนศิษย์คนโปรด รอนแรมกันมาในท่ามกลางฤดูหนาว และอย่างไม่ทันคาดคิดโจร ๖ คน ได้จู่โจมเข้ามาขวางหน้า ร้องตวาดขู่ว่าจะปล้นทรัพย์และชีวิต พระถังตกใจกลัวจนตัวสั่น เห้งเจียกรากเข้าประจันหน้า ร้องถามชื่อแซ่กันขึ้นนายโจรร้องบอกชื่อดังนี้ 

โจรคนแรก :

ชื่องั้นขันชี้นะเจ้า.........ตาเห็นรูปใจเร้า
รุ่มร้อน ตัณหา ...........แลนา

โจรคนที่สอง :

ยี่เทียล้อหน้ากริ้ว..........หูยินเสียงใจสะยิ้ว
รุ่มร้อน ตัณหา .............แลนา

โจรคนที่สาม :

ภิชืออ้ายหน้าแปร้.........จมูกได้กลิ่นใจแพ้
รุ่มร้อน ตัณหา.............แลนา

โจรคนที่สี่ :

จิสองซื้อคือลิ้น...........ลิ้มรสแล้วใจดิ้น
รุ่มร้อน ตัณหา............แลนา

โจรคนที่ห้า :

ซิ้นปุ๊มอิ๋วที่ห้า.............สัมผัสผิวใจบ้า
รุ่มร้อน ตัณหา............แลนา

โจรคนที่หก :

อี่เกี้ยนออกหัวหน้า.......ใจรู้คิดพะว้า
รุ่มร้อน ตัณหา.............แลนา


เห้งเจียได้ยินชื่อแล้วหัวเราะก๊ากใหญ่ ร้องขึ้นว่า " อ้ายพวกลูกหลานข้า เจ้าพวกขนหน้าแข้งของปู่ ถ้าพวกเจ้าทั้งหก ปล้นอะไรมาแล้ว ให้เรามีส่วนแบ่งด้วย ปู่ก็จะไว้ชีวิตพวกเจ้า " 

นายโจรทั้งหก เป็นเดือดเป็นแค้นในคำสบประมาท...... 
โธ่อ้ายลิงหาเรื่องตาย

ทั้งหกรุมเข้ารบเห้งเจีย เห้งเจียจึงตีตายหมด ฝ่ายพระถังเห็นศิษย์โหดร้ายก็ตำหนิ เห้งเจียก็เถียงว่า ขืนไม่ตีมัน มันก็จะตีอาจารย์ตายเท่านั้น

ศิษย์และอาจารย์โต้เถียงด่าทอกันรุนแรง พระถังเดือดดาลขึ้น จึงออกปากขับไล่ไม่ให้ร่วมทางไปไซที เห้งเจียก็น้อยใจ จึงทิ้งอาจารย์เสีย แล้วเหาะลิ่วไปซดน้ำชากับพญาเล่งอ๋องที่ใต้บาดาล







โหงว : เป็นไง ?

รูป : แหมสนุกจริงๆ ครับ เห้งเจียเป็นลิง ทำไมจึงแต่งให้เก่ง ขนาดโจร ๖ คนสู้ไม่ได้

นาม : แกลืมไปอีกแล้วซีน่า

โหงว : โจร ๖ คน คือ ผัสสะ ๖( ตาเห็นรูป จักษุวิญญาณเกิด ฯลฯ อันเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา )

นาม : วิญญาณ ๖ ที่เกิดในขณะแห่งการกระทบของอายตนะ ๖ กับ อารมณ์ ๖ นั้นคือธาตุรู้ นั้นคือธาตุรู้(วิญญาณธาตุ) ซึ่งเป็น "ขนหน้าแข้ง" ของโพธิจิต

รูป : แท้จริง ธาตุรู้(วิญญาณธาตุ) ที่เกิดจากการกระทบทั้งหกทางนั้นมีสองชนิด ชนิดแรกคืออวิชชาสัมผัส นี้จำเป็นต้อง "ฆ่า" เสีย เอาไว้ไม่ได้ ขืนเอาไว้มันจะฆ่าพระถัง คือ ชีวิตทางธรรมจะถูกฆ่า อีกชนิดหนึ่งคือ ปฏิฆสัมผัส หรือ วิชชาสัมผัส การกระทบที่สักว่ากระทบ หรือ มีการเห็นตามอาการที่เป็นจริงของการกระทบ แล้วไม่ปรุงแต่งเป็นตัณหา เช่นนี้ย่อมให้มีการกระทบได้ การกระทบทางอายตนะนั้นดุจโจรปล้น ถ้าให้ปัญญามีส่วนในการกระทบทุกๆ ครั้งการกระทบนั้นกลับเป็นความรู้

นาม : จึงอุปมาว่า เห้งเจีย(ปัญญา) จะไว้ชีวิต ถ้าปล้นแล้วมาแบ่งให้ตนด้วย

โหงว : ใช่แล้ว

รูป : ก็แล้วทำไม พระถังจึงไม่เข้าใจละครับ เห้งเจียนั้นฉลาดออก

โหงว : นี่เธอ ขอเตือนว่าไม่มีพระถังหรือลิง พระถังคือศรัทธา ขันติ สัจจะอธิษฐานซึ่งภูมิธรรมเหล่านี้ ยังลงร่องรอยกันไม่ได้กับปัญญา

นาม : จึงอุปมาว่า ทะเลาะกันดังลั่นไปทั้งป่า

รูป : แล้วไง แต่งให้เห้งเจียดันเหาะลิ่วไปซดน้ำชากับพญาเล่งอ๋อง ถึงบาดาลเชียว

นาม : เอ ?

โหงว : เมื่อมีแต่ศรัทธา ขันตินำหน้า ปัญญาก็กบดานเสียเท่านั้น ขันติหรือศรัทธามันไม่ค่อยชอบใช้ปัญญาดอกเธอ

นาม : จริง.....หรือแกว่าไง

รูป : อาจารย์เล่าต่อดีกว่าครับ ว่าพระถังทำอย่างไร จึงให้ปัญญามาเป็นคนจูงม้าไปไซทีได้อีก

โหงว : อย่ากลัวเลยเธอ ว่าแต่เห้งเจียของเธอเอง ลงไปซดน้ำชาอยู่ใหนน่ะ ?






**เห้งเจียเหาะไปซดน้าชากับพญาเล่งอ๋องใต้บาดาล = ปัญญาเฉื่อยชา ไม่ทำหน้าที่

** ขอบคุณภาพการ์ตูนไซอิ๋วจากเว็บ http://www.mindcyber.com/ ค่ะ 

**คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๑๐ - ๑๓ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น