อาจารย์ชวนศิษย์คนโปรด รอนแรมกันมาในท่ามกลางฤดูหนาว และอย่างไม่ทันคาดคิดโจร ๖ คน ได้จู่โจมเข้ามาขวางหน้า ร้องตวาดขู่ว่าจะปล้นทรัพย์และชีวิต พระถังตกใจกลัวจนตัวสั่น เห้งเจียกรากเข้าประจันหน้า ร้องถามชื่อแซ่กันขึ้นนายโจรร้องบอกชื่อดังนี้
ชื่องั้นขันชี้นะเจ้า.........ตาเห็นรูปใจเร้า
รุ่มร้อน ตัณหา ...........แลนา
โจรคนที่สอง :
ยี่เทียล้อหน้ากริ้ว..........หูยินเสียงใจสะยิ้ว
รุ่มร้อน ตัณหา .............แลนา
โจรคนที่สาม :
ภิชืออ้ายหน้าแปร้.........จมูกได้กลิ่นใจแพ้
รุ่มร้อน ตัณหา.............แลนา
โจรคนที่สี่ :
จิสองซื้อคือลิ้น...........ลิ้มรสแล้วใจดิ้น
รุ่มร้อน ตัณหา............แลนา
โจรคนที่ห้า :
ซิ้นปุ๊มอิ๋วที่ห้า.............สัมผัสผิวใจบ้า
รุ่มร้อน ตัณหา............แลนา
โจรคนที่หก :
อี่เกี้ยนออกหัวหน้า.......ใจรู้คิดพะว้า
รุ่มร้อน ตัณหา.............แลนา
เห้งเจียได้ยินชื่อแล้วหัวเราะก๊ากใหญ่ ร้องขึ้นว่า " อ้ายพวกลูกหลานข้า เจ้าพวกขนหน้าแข้งของปู่ ถ้าพวกเจ้าทั้งหก ปล้นอะไรมาแล้ว ให้เรามีส่วนแบ่งด้วย ปู่ก็จะไว้ชีวิตพวกเจ้า "
นายโจรทั้งหก เป็นเดือดเป็นแค้นในคำสบประมาท......
โธ่อ้ายลิงหาเรื่องตาย
ทั้งหกรุมเข้ารบเห้งเจีย เห้งเจียจึงตีตายหมด ฝ่ายพระถังเห็นศิษย์โหดร้ายก็ตำหนิ เห้งเจียก็เถียงว่า ขืนไม่ตีมัน มันก็จะตีอาจารย์ตายเท่านั้น
ศิษย์และอาจารย์โต้เถียงด่าทอกันรุนแรง พระถังเดือดดาลขึ้น จึงออกปากขับไล่ไม่ให้ร่วมทางไปไซที เห้งเจียก็น้อยใจ จึงทิ้งอาจารย์เสีย แล้วเหาะลิ่วไปซดน้ำชากับพญาเล่งอ๋องที่ใต้บาดาล
โหงว : เป็นไง ?
รูป : แหมสนุกจริงๆ ครับ เห้งเจียเป็นลิง ทำไมจึงแต่งให้เก่ง ขนาดโจร ๖ คนสู้ไม่ได้
นาม : แกลืมไปอีกแล้วซีน่า
โหงว : โจร ๖ คน คือ ผัสสะ ๖( ตาเห็นรูป จักษุวิญญาณเกิด ฯลฯ อันเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา )
นาม : วิญญาณ ๖ ที่เกิดในขณะแห่งการกระทบของอายตนะ ๖ กับ อารมณ์ ๖ นั้นคือธาตุรู้ นั้นคือธาตุรู้(วิญญาณธาตุ) ซึ่งเป็น "ขนหน้าแข้ง" ของโพธิจิต
รูป : แท้จริง ธาตุรู้(วิญญาณธาตุ) ที่เกิดจากการกระทบทั้งหกทางนั้นมีสองชนิด ชนิดแรกคืออวิชชาสัมผัส นี้จำเป็นต้อง "ฆ่า" เสีย เอาไว้ไม่ได้ ขืนเอาไว้มันจะฆ่าพระถัง คือ ชีวิตทางธรรมจะถูกฆ่า อีกชนิดหนึ่งคือ ปฏิฆสัมผัส หรือ วิชชาสัมผัส การกระทบที่สักว่ากระทบ หรือ มีการเห็นตามอาการที่เป็นจริงของการกระทบ แล้วไม่ปรุงแต่งเป็นตัณหา เช่นนี้ย่อมให้มีการกระทบได้ การกระทบทางอายตนะนั้นดุจโจรปล้น ถ้าให้ปัญญามีส่วนในการกระทบทุกๆ ครั้งการกระทบนั้นกลับเป็นความรู้
นาม : จึงอุปมาว่า เห้งเจีย(ปัญญา) จะไว้ชีวิต ถ้าปล้นแล้วมาแบ่งให้ตนด้วย
โหงว : ใช่แล้ว
รูป : ก็แล้วทำไม พระถังจึงไม่เข้าใจละครับ เห้งเจียนั้นฉลาดออก
โหงว : นี่เธอ ขอเตือนว่าไม่มีพระถังหรือลิง พระถังคือศรัทธา ขันติ สัจจะอธิษฐานซึ่งภูมิธรรมเหล่านี้ ยังลงร่องรอยกันไม่ได้กับปัญญา
นาม : จึงอุปมาว่า ทะเลาะกันดังลั่นไปทั้งป่า
รูป : แล้วไง แต่งให้เห้งเจียดันเหาะลิ่วไปซดน้ำชากับพญาเล่งอ๋อง ถึงบาดาลเชียว
นาม : เอ ?
โหงว : เมื่อมีแต่ศรัทธา ขันตินำหน้า ปัญญาก็กบดานเสียเท่านั้น ขันติหรือศรัทธามันไม่ค่อยชอบใช้ปัญญาดอกเธอ
นาม : จริง.....หรือแกว่าไง
รูป : อาจารย์เล่าต่อดีกว่าครับ ว่าพระถังทำอย่างไร จึงให้ปัญญามาเป็นคนจูงม้าไปไซทีได้อีก
โหงว : อย่ากลัวเลยเธอ ว่าแต่เห้งเจียของเธอเอง ลงไปซดน้ำชาอยู่ใหนน่ะ ?
**เห้งเจียเหาะไปซดน้าชากับพญาเล่งอ๋องใต้บาดาล = ปัญญาเฉื่อยชา ไม่ทำหน้าที่
** ขอบคุณภาพการ์ตูนไซอิ๋วจากเว็บ http://www.mindcyber.com/ ค่ะ
**คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๑๐ - ๑๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น