หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

(ตอนที่ ๑๘) บทที่ ๑๕ เมื่อศีลออกหน้าปัญญา

บทที่ ๑๕
เมื่อศีลออกหน้าปัญญา



เห้งเจียถึอตะบองกายสิทธิ์เดินนำหน้าขบวน มายังภูเขายอดสูงเทียมเมฆ พระถังเริ่มหิวอาหาร ขอร้องให้เห้งเจียเหาะไปบิณฑบาต เห้งเจียก็อุ้มบาตรหกคะเมนหายไปทางทิศอาคเนย์ ปีศาจแป๊ะกุดฮู้หยิน(ผีไม้อกไก่)ผู้เฝ้าติดตามจะกินเนื้อพระถังจึงได้โอกาสตอนเห้งเจียไม่อยู่ จำแลงกายเป็นหญิงสาวบ้านป่า ในมือถืออาหารหวานคาวเข้ามาถวาย ขณะที่ปีศาจจะจับพระถังนั้น เห้งเจียก็เหาะกลับมาพอดี จึงใช้ตะบองตีปีศาจโครมใหญ่ แต่ปีศาจหาตายไม่ มันถอดคราบหญิงสาวให้ดู ดุจว่าตายนอนจมกองเลือดอยู่ อาหารก็กลายเป็นหนอนและไส้เดือนไป

ฝ่ายโป้ยก่ายเกิดราคะกำหนัดในหญิงสาว ทั้งตะกละในอาหารก็ยุยงพระถังว่าเห้งเจียอิจฉา แสร้งเป่ามนต์ให้อาหารดี ๆ กลายเป็นไส้เดือน แล้วยังฆ่าทายิกาอีก พระถังก็หลงเชื่อจึงร่ายคาถาบีบขมับ เห้งเจียก็ปวดหัวล้มลงนอนกลิ้งไปกลิ้งมา พลางร้องขอความกรุณา พระถังจึงขอให้สัญญาว่าไม่ให้โหดเหี้ยมนัก

เดินกันมาอีกครู่หนึ่ง แป๊ะกุดฮู้หยินก็แปลงเป็นหญิงเฒ่ามารดาของหญิงสาว เดินร้องไห้อาลัยลูกสาวสวนทางมา เห้งเจียเห็นก็รู้ได้ว่าเป็นปีศาจ จึงรี่เข้าไปทุบโครมเข้า ปีศาจก็ถอดร่างหนีไปอีก เหลือแต่ซากของหญิงชรานอนจมกองเลือดอยู่ โป้ยก่ายก็กล่าวยุยงพระถังว่าเห้งเจียใจทมิฬ ไม่สมเป็นสมณะที่จะไปไซทีด้วย พระถังก็เดือดดาล ร่ายคาถาบีบขมับไม่หยุด เห้งเจียล้มดิ้น สัญญาว่าจะไม่ทำอีก

เมื่อเดินต่อไปอีกครู่หนึ่งแป๊ะกุดฮู้หยินก็แปลงร่างเป็นตาเฒ่าพ่อของหญิงสาวเดินภาวนาพุทธคุณสวนทางมา เห้งเจียรู้ทันก็หวดด้วยตะบองโครมใหญ่ ปีศาจถอดร่างหนีไม่ทันก็ขาดใจตาย เหลือแต่ซากเป็นกองกระดูกขาวกร่อนนานนับปี เห้งเจียจึงชี้ให้พระถังดูบอกว่าเป็นปีศาจแน่

ฝ่ายโป้ยก่ายนึกเกลียดน้ำหน้าเห้งเจีย ก็ยุพระถังอีกว่าเห้งเจียกักขฬะ พระถังโกรธสุดขีด ภาวนาคาถาบีบขมับไม่หยุด แล้วออกปากขับไล่เห้งเจียไม่ให้ร่วมทางไปไซที เห้งเจียนึกน้อยใจ จึงหกคะเมนตีลังกาพรวดเดียวไปถึงถ้ำจุ๊ยเลี่ยมต๋อง ภูเขาฮวยก๊วยซัว สำนักเดิมของตน เริ่มส้องสุมสมุนลิงประพฤติตัวเป็นอันธพาลใหญ่ไม่สนใจเรื่องไปไซที ยกธงขึ้นหน้าถ้ำ ประกาศศักดานุภาพ ออกอาละวาดไปตามอารมณ์







โหงว : มีอะไรงงไหมเล่า

นาม : เอ๊...แป๊ะกุดฮู้หยิน ปีศาจไม้อกไก่แปลงเป็นหญิงสาว หญิงเฒ่า ตาเฒ่า...?

รูป : น่าสงสารทั้งสามคราว

โหงว :คิดให้ดี ๆ 

นาม : ชีวิตคิดเมตตาหญิงสาว พ่อเฒ่าแม่เฒ่า ที่แท้ตะกละราคะ ปัญญารู้ทันละอารมณ์นั้นเสีย สันดานราคะก็ไม่ชอบ ไม่ชอบใช้ปัญญา ชอบศีลทั้ง ๆ ที่ทุศีลเรื่อย ปัญญาจริงก็กลับเถื่อน ไม่ได้ใช้ปัญญาไปในทาง "เดินทางสู่นิพพาน" กลับปล่อยให้ส่ายไปตามอารมณ์ แล้วปัญญาก็กลับประทุษร้ายตัวเอง

โหงว : ไม่เลว สมัยใดชีวิตไว้ใจศีล ปล่อยให้ปัญญาซบเซาแล้วศีลจะนำเข้าถ้ำผี

รูป : จริงครับ ผมเลยขี้เกียจรักษาศีล สู้ใช้ปัญญาไม่ได้ 

โหงว : อ้ายงู้หม้ออ๋อง ! 

รูป : ด่าผมรึ...? ไม่รู้ความหมายเสียอย่าง ไม่เดือดร้อน

นาม :เป็นอันว่าบทนี้ พอจะสรุปได้ว่าเป็นเรื่องที่ศีลออกหน้า ปัญญากลับเถื่อน

โหงว:
ห่มจีวรดำทำพูดน้อย.......ทำตาปรอยค่อย ๆ ย่าง
เข้าตำราศีลนกกระยาง....วางท่าสงบกบไว้ใจ


รูป :
รักนกกระยางอย่างพระอริย์...ผิว์ท่านแนะเรื่องไหนไหน
สีกากบนอบนบไหว้..........พอได้ที ทำหรี่ตา


โหงว : "โยมเอ๋ย โลกนี้มีทุกข์หนัก.....ฉันจักช่วยชี้ชั้นฟ้า"

รูป : นกกระยางเหลืองหัวร่อร่า.....อ้าปากกินกบสิ้นสระ

นาม : ผู้ถูกกินซื้อสวรรค์.................ผู้กินนั้นขายสวรรค์ดะ

รูป : งั้นเลิกรับศีลละวะ

นาม : (อ้าว...ทำไม ?) 

รูป : กลัวเป็นพระ พ่อค้าสิ

โหงว :
ไม่...แต่จงรักษาศีลเพื่อกุศล...ผลคือเสริมสมาธิ
ใช่เคร่งอวดอุตริ.................พอสมาธิดี มีปัญญา


นาม : รักษาศีลไว้ข่มเพื่อน

โหงว : นั้นยังเถื่อนอยู่นักหนา

นาม : อวดเคร่งจนมัวตา.......... ชีวามิดติดถ้ำผี

รูป : หยุดก่อน เล่าตอนต่อไป

โหงว : ถึงถ้ำใหญ่ในพงพี..........ผีบ้ากาม...

นาม : งามล่ะซี

โหงว : ผีหน้าเขียว

รูป : แหม เสียวจัง



(จบบทที่ ๑๕ โปรดติดตามตอนต่อไป...)






** คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๖๒ - ๖๖ )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น