หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

(ตอนที่ ๑๒) บทที่ ๙ หลักการดำรงจิต เมื่อผจญอุปสรรค

บทที่ ๙ หลักการดำรงจิต เมื่อผจญอุปสรรคทุกระดับ


พระถังซัมจั๋ง เห้งเจีย โป้ยก่าย และม้าขาว รอนแรมมาจนบรรลุถึงภูเขาภู่โท่ซัว อันเป็นสำนักของพระโอเซ้า อาจารย์เซ็นผู้อาศัยอยู่ในรังกาที่ทำด้วยหญ้าและกิ่งไม้ พระโอเซ้าร้องวทักโป้ยก่ายเพราะเคยคุ้นหน้า แต่ท่านไม่รู้จักเห้งเจียพระถังจึงสอบถามถึงทางไปไซทีว่า ยังใกล้หรือไกล ท่านตอบว่า "ยังไกลอีกมากนัก จงพยายามเถิด หนทางไปนั้นไม่สู้ยากแต่อุปสรรคมากมาย แต่ไม่ช้าจะได้พบสานุศิษย์คนสุดท้าย แล้วการเดินทางจะเป็นไปจนถึงไซทีแน่นอน "

พระโอเซ้าได้บอกมนต์วิเศษสำหรับภาวนา เมื่อมีอุปสรรคหรืออันตราย คือข้อความใน "มหาปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร" มี ๕๔ วรรค ๓๗๐ ตัวอักษร ซึ่งมีใจความย่อดังนี้ 

"ขันธ์ ๕ คือความว่าง ความว่างคือขันธ์ ๕ สิ่งทั้งปวงไม่เกิด ไม่ดับ ไม่สกปรก ไม่สะอาด ไม่พร่อง ไม่เต็ม ไม่มีอวิชชา ไม่ปราศจากอวิชชา ไม่มีชรามรณะ ไม่ปราศจากชรามรณะ ไม่มีการรู้ ไม่มีการไม่รู้ ไม่มีการบรรลุไม่มีการไม่บรรลุ อาศัยปัญญาอันยอดเยี่ยมนี้ พระพุทธเจ้าในอดีตทั้งสิ้น ได้แจ่มแจ้งเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาศัยปัญญานี้จิตจะปราศจากความลังเล และไม่มีอะไรเป็นอุปสรรค จึงไม่หวั่นไหว ทุกข์ทั้งปวงจะดับหมด และนี่มิใช่ความสูญเปล่าเลย "

พระถังซัมจั๋งเรียนมนต์วิเศษนี้จนขึ้นใจแล้วก็นมัสการลาพระโอเซ้าเซียนซือ เห้งเจียชักโมโหไม่ชอบหน้าพระโอเซ้า ขยับตะบองจะทุบหัว พระโอเซ้ากระโดดขึ้นรังกา หายไปในหมอก ศิษย์และอาจารย์ก็ออกมุ่งหน้าสู่ทิศปราจีน






นาม : แหม มนต์ของโอเซ้าเซียนซือที่ชื่อมหาปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร นี้หวาดเสียวจริง ๆ ครับ ผมไม่ชอบเลย

โหงว : ก็แกมีเห้งเจียอยู่มากน่ะสิ

นาม : ผมไม่เข้าใจครับ

รูป : เล่าต่อ ๆ กำลังสนุก 

โหงว : เอาเถอะน่า เดี๋ยวเล่าต่อแน่ เห้งเจียคือปัญญาที่ยังไม่เป็นโลกุตตระ จะไม่ชอบคำว่าว่าง ว่าง ว่าง ไม่มี ไม่มี ไม่มี ทั้ง ๆ ที่มนต์นี้แหละมันสำคัญนักจริง ๆ หนา

นาม : ดู ๆ จะเป็นนัตถิกทิฎฐิ คืออะไร ๆ ก็ไม่มี 

โหงว : เป็นนัตถิกะได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีแม้ความไม่มี แต่ที่แท้คือสุญญตา ความว่างที่ทุกข์ทั้งปวงจะดับ อุปสรรคทั้งสิ้นจะสลายลง

นาม : ก็เป็นอันว่า เข้าใจเรื่องความว่างชัดเจนแล้ว ก็ถึงไซที คือนิพพานแล้วซีครับ แต่ทำไมโอเซ้าจึงบอกว่ายังอีกไกลนัก

โหงว : สุญญตานี้ทำให้ทุกข์ทั้งปวงว่างไป แต่ว่าชีวิตจำเป็นต้องผ่านปีศาจอีกนับร้อยเพื่อให้ปัญญาได้ผจญทุกข์ จนได้ถึงพระพักตร์พระยูไล คือพุทธภาวะ ถ้าเข้าถึงได้จริงเด็ดขาด ไซทีก็อยู่ณ ตรงนั้น แต่เพราะชีวิตไม่อาจซึมซาบอยู่กับสุญญตาได้ทุกลมหายใจเข้าออก มักจะเผลอไปยึดมั่นในรูปธรรมต่าง ๆ จนเกิดอุปสรรคขึ้น และนั่นคือปีศาจที่ปัญญาจะต้องเข้าปราบปราม และความพยายามที่จะอยู่กับความว่างนี่เอง คือการเดินทางของชีวิต จนกว่าจะถึงพระพักตร์พระยูไล คือพุทธภาวะ

นาม : ผมว่าเนื้อหาของมหาปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตรก็คือคันธนูที่ทำด้วยเขากระต่าย สายธนูทำด้วยหนวดเต่า ลูกศรทำด้วยนอกบ (ในปริศนาธรรมไทยเรื่องหนวดเต่าเขากระต่าย)ซึ่งเอาไปยิงมารจนตายสิ้นนั่นเอง ใช่ไหมครับ ?

รูป : ชักเลอะเทอะกันใหญ่แล้ว กระต่ายบ้าที่ไหนจะมีเขา เต่าบอที่ไหนจะมีหนวด พุทโธ่ กบบ้านไหนเมืองไหนจะมีนอ...

โหงว : เพราะความไม่มีนั่นแหละ ความมีที่คนทั้งหลายเคยชินอย่างยิ่ง จึงถูกยิงดับไป เอาความไม่มีไปยิงความมี อุปสรรคจะดับลง

นาม : แต่ท่านอาจารย์ครับ พุทธธรรมนั้นไม่เกี่ยวข้องกับทั้งความมีและความไม่มี แต่มีหลักว่า "ถ้าสิ่งนี้มี สิ่งนี้จะมี ถ้าสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จะดับ ถ้าสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จะเกิด ถ้าสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จะไม่มี" นี่ครับ

โหงว : ใช่ ...และนั่นคือตะบองยู่อี่ของเห้งเจีย ที่จะบุกเบิกจนถึงพุทธภาวะ "ไม่มีแม้แต่ความไม่มี"นั่นเป็นมนต์ขจัดอุปสรรคที่จะหล่อเลี้ยงขันติ(พระถัง)ไปตลอด เป็นอันว่าเมื่อมีอุปสรรค เป็นความทุกข์ทรมานก็จงดำรงใจด้วยมนต์ว่า ไม่มี ไม่มี ไม่มี

รูป : ฉิบหายกันคราวนี้เอง ข้าวไม่มีจะกรอกหม้อ ลูกคนโตไม่มีค่าเล่าเรียน เมียกำลังจะคลอดลูก ที่ดินกำลังผ่อนส่ง แล้วขืน ไม่มี ๆ ๆ ๆ โธ่เอ๊ย...คาถาเวร ! 

โหงว : นั่นเจ้ากำลังมีความมี ไม่มีลูก ไม่มีเมีย ไม่มีหนี้ ไม่มีความไม่มี ข้างต้นที่กล่าวมาทั้งหมด เมื่อใจว่างจากทุกสิ่งแล้วทีนี้เจ้าก็หาข้าวสารมากรอกหม้อซี แต่ข้าวสารก็ว่าง หม้อก็ว่าง ที่ดินก็ว่าง ให้สิ่งทั้งปวงมีเหมือนกับไม่มี เป็นเหมือนกับไม่ได้เป็น

รูป : เฮ้อ... กลุ้ม เล่าเรื่องปีศาจต่อดีกว่าน่าอาจารย์

**คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๓๔ - ๓๗ 





(**จบบทที่ ๙ โปรดติดตามตอนต่อไป....)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น